กองทัพไทย 29 พ.ย.-ประชุมผบ.เหล่าทัพครั้งแรก ผบ.ทสส.มอบนโยบายการทำงาน ทั้งด้านการรักษาความมั่นคง พัฒนาคุณภาพชีวิตปชช. ทันความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เตรียมสรรพกำลังร่วมหนุนแก้ปัญหาภัยธรรมชาติ
น.อ.จงเจต วัชรานันท์ รองโฆษกกองทัพไทย แถลงผลการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 1 ที่มีพล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธาน โดยมีผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเข้าร่วมประชุมและบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมา ว่า การประชุมวันนี้(29 พ.ย.) เป็นครั้งแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ผู้บัญชาการทหารสูงสุดขอให้เหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติปฏิบัติงานด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ ทุ่มเท เสียสละ เพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และสถาบันพระมหากษัตริย์ สนับสนุนรัฐบาลดำเนินกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติและวันพ่อแห่งชาติอย่างเต็มกำลังและสมพระเกียรติ ดำรงความต่อเนื่องการจัดกิจกรรมและสนับสนุนการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ในวาระสำคัญและโอกาสที่เป็นมหามงคลอย่างต่อเนื่อง
รองโฆษกองทัพไทย กล่าวว่า ที่ประชุมกล่าวถึงบทบาทและอำนาจหน้าที่ของคณะผู้บัญชาการทหาร ที่มีหน้าที่เสนอแนะและให้คำปรึกษาต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อให้การแก้ไขปัญหาความมั่นคงของชาติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการนำที่ดินที่อยู่ในความดูแลของหน่วยทหารไปใช้ประโยชน์พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน โดยร่วมบริหารจัดการกับกรมธนารักษ์ให้ประชาชนเช่าที่ราชพัสดุ จำนวน 4 จังหวัดที่อุดรธานี กาญจนบุรี สมุทรปราการ และนครพนม จำนวน 12,484 ไร่เศษ โดยมีโครงการนำร่องที่อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ ส่วนพื้นที่อื่นดำเนินการในเดือนมกราคม 2567
“ส่วนการรับสมัครเข้ารับราชการทหารกองประจำการโดยวิธีร้องขอ (กรณีพิเศษ) ด้วยระบบออนไลน์ มียอดความต้องการ 29,081 อัตรา ปัจจุบันมียอดผู้สมัคร 11,837 คน โดยกองทัพไทยจะประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางสื่อต่าง ๆ รวมทั้งการพัฒนาสิทธิและสวัสดิการของทหารกองประจำการเพิ่มเติม เพื่อให้มีผู้สมัครเป็นไปตามเป้าหมาย” น.อ.จงเจต กล่าว
รองโฆษกกองทัพไทย กล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้มอบนโยบายการปฏิบัติงานประจำปี 67 ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 4 นโยบายหลัก และ 12 ประเด็น ได้แก่ ด้านการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ของกองทัพ ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย พิทักษ์รักษา ปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้านการให้ความสำคัญกับประชาชน กำลังพลและครอบครัว การพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชน การใช้ทรัพยากรของหน่วยทหารให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ด้านความทันสมัย พัฒนาระบบปฏิบัติการร่วมสู่กองทัพที่ทันสมัย พัฒนาหน่วยงานด้านไซเบอร์และอวกาศ และด้านการสนับสนุนรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม ปรับรูปแบบการตรวจเลือกทหารกองประจำการเป็นแบบสมัครใจ การบริหารจัดการสวัสดิการภายในและเชิงธุรกิจ และการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติด
“การบูรณาการการปฏิบัติงานร่วมระหว่างศูนย์บัญชาการทางทหารและศูนย์ปฏิบัติการเหล่าทัพ เพื่อติดตามสถานการณ์ด้านความมั่นคงในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก รวมทั้งสถานการณ์ด้านความมั่นคงตามแนวชายแดน การรักษาความเรียบร้อยภายในประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนการแก้ไขปัญหาสำคัญ การลักลอบการนำเข้าสุกรเถื่อน ยางพาราเถื่อน ยาเสพติด แรงงานต่างด้าว รวมทั้งพัฒนาขีดความสามารถด้านไซเบอร์ของกองทัพไทย เพื่อให้มีขีดความสามารถสนับสนุนการปฏิบัติการรับมือกับภัยคุกคามด้านไซเบอร์ได้ทั้งในยามปกติและในสภาวะวิกฤติ สนับสนุนการปกป้องอธิปไตยทางไซเบอร์และโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศของประเทศ ให้มีความมั่นคงปลอดภัย สนับสนุนหน่วยงานระดับชาติป้องกันระบบสาธารณูปโภคสำคัญ รวมถึงฟื้นคืนบริการที่สำคัญได้โดยเร็ว” น.อ.จงเจต กล่าว
รองโฆษกกองทัพไทย กล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเน้นย้ำให้เหล่าทัพเตรียมความพร้อมจัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์ บูรณาการการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในห้วงฤดูหนาว ได้แก่ ภัยหนาว ภัยแล้ง ไฟป่าและหมอกควัน รวมทั้งฝุ่น PM 2.5 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชน ทั้งนี้ กองทัพไทยจะมุ่งให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลด้านความมั่นคง และนโยบายเร่งด่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและนำความมั่นคงปลอดภัยให้แก่ประชาชน สร้างศักดิ์ศรีของกองทัพ และนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทยทุกคน.-318.-สำนักข่าวไทย