กรุงเทพฯ 24 พ.ย. – ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับ อย.ค้น 6 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และนครราชสีมา จับผู้ต้องหาได้ 3 คน ยึดของกลางเป็นยาเสียสาวหลายยี่ห้อ กว่า 2,000 ชิ้น ก่อนเทศกาลลอยกระทง มูลค่าเกือบ 2 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ร่วมกับตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แถลงผลระดมกวาดล้างผู้จำหน่ายยาปลุกเซ็กส์ โดยมีการนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 6 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และนครราชสีมา จับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมยึดของกลางเป็นยาเสียสาว ยี่ห้อดังหลายยี่ห้อ, ยาเสริมสมรรถภาพทางเพศ, ผลิตภัณฑ์สำหรับทากระตุ้นความรู้สึกทางเพศ, ผลิตภัณฑ์ต้องสงสัยว่าเป็นยาเสพติดประเภทสารระเหย (ป็อปเปอร์) 220 ขวด และอุปกรณ์เซ็กส์ทอยรูปแบบต่าง ๆ และถุงยางอนามัย 470 ชิ้น รวม กว่า 2,000 ชิ้น มูลค่าเกือบ 2 ล้านบาท สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่าเคยเป็นเด็กวิ่งรับส่งสินค้าประเภทนี้ แต่ช่วงโควิดระบาดไม่สามารถวิ่งขายได้ จึงหันมาเปิดร้านทางออนไลน์ โดยสั่งสินค้ามาจากแหล่งค้าย่านสุขุมวิท ทำมาได้ 1-3 ปีแล้ว
พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่าคดีนี้หลังปรากฏตามสื่อเกี่ยวกับภัยของยากลุ่มกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ เช่นมีการใช้หยอดยาเสียสาวผสมเหล้าให้รับประทานจนร่างกายเกิดภาวะช็อกเสียชีวิต, พริตตี้สาวถูกคนร้ายหวังข่มขืนโดนหยอดยาปลุกเซ็กส์ให้รับประทานจนเกิดความต้องการทางเพศ อาเจียนและเกิดภาวะช็อก, ชายสูงวัยรับประทานยาไวอากร้าจนเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งยาในกลุ่มดังกล่าวอาจประกอบด้วยสารอันตรายชนิดต่าง ๆ ที่มีผลต่อระบบประสาท เช่นรู้สึกตื่นตัว สนุก รวมถึงกระตุ้นความรู้สึก อยากมีเพศสัมพันธ์ หรือยาบางชนิดอาจทำให้มีอาการเบลอและง่วง ส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นของเหลวสีใส ไม่มีกลิ่น ง่ายต่อการผสมในเครื่องดื่ม ฯลฯ
ตำรวจ ปคบ.จึงทำการสืบสวน พบว่ามีจำหน่ายทางแพลตฟอร์มออนไลน์ เว็บไซต์ต่างๆ จำนวนมาก ไม่มีการขึ้นทะเบียนยา และเข้าข่ายเป็นการขายโฆษณาเกินจริง ประกอบกับในช่วงเดือนนี้มีเทศกาลสำคัญ เช่น ลอยกระทงรวมตัวจัดงานปาร์ตี้สังสรรค์รื่นเริง ตามสถานบันเทิง และอาจเป็นช่องว่างให้มีการนำยาดังกล่าวไปใช้เพื่อประสงค์ต่อทรัพย์สิน หรือล่วงละเมิดทางเพศ จึงมีการระดมกวาดล้าง จับกุมผู้ต้องหาและยึดของกลางดังกล่าว ส่งตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อหาสารอันตราย พร้อมเตือนประชาชนและนักเที่ยวควรระมัดระวัง ไม่ไปเที่ยวกับคนแปลกหน้า ไม่ดื่มเครื่องดื่มจากคนแปลกหน้า ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่อยู่ในภาชนะปากกว้างที่ง่ายต่อการผสมยาอันตรายลงไป ส่วนกลุ่มคนที่ลักลอบขายยา มีความผิดหลายข้อหา เช่น ข้อหา ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาตและขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และข้อหาขายยาโดยไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม ถือว่ามีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท
ด้านเภสัชกรหญิงวรสุดา ยูงทอง ผู้อำนวยการกองยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ของกลางที่ตรวจพบนั้น ไม่เคยขึ้นทะเบียนยาอย่างถูกต้อง อย.ไม่เคยอนุมัติ ดังนั้นจึงไม่มีความปลอดภัยเพราะไม่รู้ว่าข้างในเป็นสารอะไรผสมอยู่บ้าง ถ้ามีวัตถุออกฤทธิ์ที่ไม่ได้อนุญาตให้ใช้และไม่ได้มีการควบคุมปริมาณหากรับประทานเข้าไปก็จะถึงขั้นเสียชีวิตได้และยาบางตัวก็ไม่ได้มีการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศตามที่มีการโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเพียงแต่ทำให้หลับไปเท่านั้น. -สำนักข่าวไทย