กรุงเทพฯ 9 พ.ย.-สมาคมปั๊มน้ำมันแจง “ไม่กักตุน” วอนนายกฯ เข้าใจ น้ำมันลดลง รัฐไม่ชดเชย หากกักตุนยิ่งขาดทุน ล่าสุดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินพรุ่งนี้ลงอีก ราว 40 สตางค์ต่อลิตร หลังราคาน้ำมันดิบลงต่อเนื่อง ด้าน “รสนา” ติงผู้ค้าน้ำมันต้องลดลงอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจปั๊มน้ำมันสถานการณ์กลุ่มเบนซินขายไม่เพียงพอ จนปั๊มทั่วประเทศ ติดป้ายงดจำหน่ายชั่วคราว ในขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว น้ำมันมีเพียงพอต่อการจำหน่าย โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น หลังรัฐบาลออกนโยบายลดค่าครองชีพด้วยการราคาแก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 2.50 บาท/ลิตร ด้วยการลดภาษีและลดเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งผลให้ กลุ่มเบนซินลดลงทุกผลิตภัณฑ์ มีผล 7พ.ย. และต่อมาราคาน้ำมันเช้าวันนี้ (9 พ.ย.) กลุ่มเบนซินลดลง 60 สตางค์/ลิตร และพรุ่งนี้ (10 พ.ย.) ลดอีก 40 สตางค์/ลิตร รวมแล้วแก๊สโซฮอล์ 91 สัปดาห์นี้ ลง 3.50 บาท/ลิตร ตามทิศทางตลาดโลกที่ดิ่งหนัก ก็ทำให้ ผู้ใช้น้ำมันชะลอการเติม เพื่อรอราคาน้ำมันที่จะลดลงอีก
นายพัฒนา ตั้งกิติกุล นายกสมาคมการค้าผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมันพลังไทย กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ระบุว่าหลายปั๊มน้ำมันหมด จะเข้าข่ายลักษณะเก็งกำไรหรือกักตุนสินค้าหรือไม่ เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการอยากมีกำไรมากขึ้น แต่ภาครัฐยอมไม่ได้ ต้องมีการบริหารจัดการนั้น คาดว่าเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนของ นายกรัฐมนตรี ซึ่งในขณะนี้ ปั๊มทั่วประเทศถูกตรวจสอบกันหมด จากนโยบายนี้ ข้อเท็จจริงก็คือ จะกักตุนไปเพื่ออะไร กักตุนซื้อของแพงมาขายถูก ขายของขาดทุนใครจะทำกัน ก็ขออยากให้เข้าใจสถานการณ์ที่ถูกต้อง ผู้ค้าก็ต้องลดสตอกในวันที่ 6 พ.ย.ให้มากที่สุด กรณีที่มีน้ำมันเหลือคาปั๊ม สมาชิกปั๊มก็ต้องรับภาระขาดทุน จากนโยบายรัฐวันเดียว 2-3 หมื่นบาท เพราะภาครัฐไม่ได้เข้ามานับสตอกและชดเชยราคา ที่ต้องขาดทุนจากนโยบายรัฐบาล ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ชี้แจงไปที่กระทรวงพลังงานแล้ว แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ ในครั้งนี้เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องจะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานกประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อให้เกิดความเข้าใจสถานการณ์ร่วมกัน ซึ่งผู้ประกอบการปั๊มน้ำมัน ก็ต้องการมีกำไรเพื่อเดินหน้าธุรกิจที่ต้องมีปั๊มสร้างความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้น้ำมัน และจ้างานคนงาน
“ปัญหาน้ำมันไม่พอขายมีต่อเนื่อง2 วันที่ผ่าน ขณะนี้ภาพโดยรวมดีขึ้น เพราะหลังราคาน้ำมันดิบลดโลกลดลง ผู้บริโภคก็เริ่มชะลอการเติมน้ำมันเพราะรอราคาในประเทศที่จะลดลงตาม โดยการที่น้ำมันไม่พอขายเพราะก่อนลดราคาวันที่ 7 พ.ย.ทุกปั๊มลดสตอกเพื่อให้เหลือน้อย ลดการขาดทุน เพราะรัฐบาลไม่ได้ขดเชยส่วนต่างที่ปรับลงอย่างรุนแรง เมื่อลดสตอกลง บางปั๊มคำนวณผิดพลาดและ/หรือทำให้ปั๊มข้างเคียงขายมากกว่าปกติ สุดท้ายก็หมดตามๆ กันทุกปั๊ม พอจะสั่งน้ำมันใหม่ ก็สั่งพร้อมกันทั่วประเทศ รถขนส่งน้ำมันไม่พอ คิวยาว เมื่อไปรับพร้อมๆกันที่คลังน้ำมัน ก็ต้องใช้เวลาและคลังก็ไม่พอขายต้องรอการส่งน้ำมันจากโรงกลั่น” เจ้าของปั๊ม ระบุ
น.ส.รสนา โตสิตระกูล อนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม สภาผู้บริโภค ระบุการที่ ผู้ค้าน้ำมันยอมลดราคากลุ่มเบนซินใน2วันนี้ ร แต่ก็เรียกว่าค่าการตลาดยังสูงกว่าที่ควรจะเป็น เรียกว่า ”ยังอมค่าการตลาด” โดยค่าการตลาดสูงทั้งเบนซินและดีเซลเกินไปลิตรละกว่า 1บาท และมีกำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งกระทรวงพลังงานควรเข้ามาดูแล ให้ราคาลดลง เพื่อผู้บริโภค.-สำนักข่าวไทย
