นายกฯ กล่าวปาฐกถาพิเศษงาน Bangkok Post Forum 2024

กรุงเทพฯ 19 ธ.ค.-นายกฯ กล่าวปาฐกถาพิเศษงาน Bangkok Post Forum 2024 ร่วมกำหนดอนาคตของประเทศไทย “Thailand’s Next Chapter” ย้ำจุดแข็งของไทย ทั้งที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรม พร้อมใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ปูทางสู่ความรุ่งเรืองและมั่งคั่งร่วมกันเพื่ออนาคตประเทศไทย

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงาน Bangkok Post Forum 2024 โอกาสครบรอบ 78 ปี หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ในหัวข้อ “Redefine Thailand: The Road to Prosperity”


นายกรัฐมนตรี กล่าวเป็นเกียรติที่ได้เข้าร่วมงานในวันนี้ เพื่อร่วมกันสำรวจเส้นทางอนาคตของประเทศไทยในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งกลยุทธ์ทางอุตสาหกรรมที่เน้นการผลิตจำนวนมากและอุตสาหกรรมหนักอาจไม่เพียงพออีกต่อไป ไทยต้องดึงศักยภาพและใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ไทยมีความโดดเด่น ในการกำหนดเส้นทางใหม่ที่จะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง และผลักดันไทยให้เป็นผู้นำในโลกที่มีพลวัตและความเชื่อมโยง โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย 2 ประการ ดังนี้

ประการแรก ไทยมีข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเหมาะที่จะเป็นศูนย์กลางทางด้านโลจิสติกส์ การค้าและการแลกเปลี่ยน และการเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน เอเชีย-แปซิฟิก กับภูมิภาคอื่น ๆ ตลอดจนสามารถส่งเสริมการเคลื่อนย้ายสินค้า คน และแนวคิดข้ามพรมแดน ผ่านทางโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ศูนย์กลางการบิน และเครือข่ายห่วงโซ่ความเย็น (cold-chained network) นอกจากนี้ ไทยยังสามารถเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกตะวันออกและตะวันตก ส่งเสริมความร่วมมือระดับโลก ในยุคแห่งการแบ่งแยก ไทยสามารถยืนหยัดเป็นแสงแห่งความร่วมมือและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันได้


ประการที่สอง ไทยมีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและวัฒนธรรม รวมทั้งเป็นที่รู้จักในฐานะ “ครัวโลก” มานาน และตอนนี้ถึงเวลาที่จะยกระดับ ด้วยทรัพยากรทางการเกษตร ความเชี่ยวชาญด้านการทำอาหาร และเทคโนโลยีขั้นสูง ไทยสามารถเปลี่ยนการทำเกษตรกรรมแบบดั้งเดิมให้กลายเป็นเกษตรสมัยใหม่ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความยั่งยืน และนวัตกรรม เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งมีศักยภาพที่จะยกระดับให้เป็นมากกว่าจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยว แต่สามารถเป็นสถานที่แห่งสันติภาพและการฟื้นฟู ด้วยชื่อเสียงด้านการบริการและมรดกทางวัฒนธรรม ทำให้การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยมีความโดดเด่น รวมทั้งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวและทำงานทางไกล (Digital Nomad) และผู้เกษียณอายุ

นอกจากนี้ ไทยให้ความสำคัญต่อการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสานกับจุดแข็ง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวและสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะเฉพาะแต่ละบุคคลได้อย่างแท้จริง รวมทั้งยังเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ผ่านการลงทุนในศูนย์ข้อมูล (data centers) และโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล ซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างงาน ดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถจากทั่วโลก ตลอดจนเตรียมพร้อมบุคลากรของไทยในสาขาต่าง ๆ เช่น AI, Cloud Computing และความมั่นคงทางไซเบอร์ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมและเสริมสร้างเศรษฐกิจของไทย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเปลี่ยนวิสัยทัศน์ข้างต้นให้เป็นความจริง ต้องอาศัยความมุ่งมั่นและประสานงานกันใน 4 ด้านหลัก ได้แก่
1.การปฏิรูปกฎหมาย (Legal Reforms) เช่น การอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ ผ่านการปรับปรุงกฎระเบียบให้ทันสมัยเพื่อให้ไทยมีสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อการทำธุรกิจและสร้างสรรค์มากขึ้น อาทิ การปรับปรุงระยะเวลาในการยื่นขอต่ออายุใบอนุญาต และการบูรณาการระบบดิจิทัลเพื่อปรับปรุงกระบวนการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น


2.การพัฒนาทุนมนุษย์ (Human Capital Development) รัฐบาลมีโครงการ One Family, One Soft Power ซึ่งจะสนับสนุนให้เกิดการแบ่งปันความสามารถทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้เร่งฝึกอบรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI เซมิคอนดักเตอร์ และยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อเตรียมพร้อมบุคลากรของไทยสำหรับโอกาสในอนาคต ตลอดจนฟื้นโครงการหนึ่งอำเภอ หนึ่งทุนการศึกษา (One District, One Scholarship (ODOS)) เพื่อสนับสนุนให้คนไทยมีโอกาสไปศึกษาต่อในต่างประเทศมากขึ้น

3.การสนับสนุนทางการเงินสำหรับนวัตกรรม (Financial Support for Innovation) รัฐบาลจะเพิ่มเงินทุนสำหรับนวัตกรรมและ startups โดยให้ความสำคัญกับโครงการที่มีผลลัพธ์สูง และมีศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน รวมถึงการปรับปรุงการจัดสรรเงินทุนและเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัย เพื่อเปลี่ยนแนวคิดที่ดีให้กลายเป็นธุรกิจที่เจริญรุ่งเรือง

4.มาตรฐานและการรับรองระดับโลก (Global Standards and Certification) รัฐบาลจะยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อให้แน่ใจว่า “Made in Thailand” จะสะท้อนถึงคุณภาพที่ดีเลิศ ตัวอย่างเช่น การนำการรับรองระดับสากลมาใช้เพื่อช่วยให้สินค้าส่งออกของไทย เช่น ทุเรียน สามารถรักษาสถานะพรีเมียมในตลาดโลกได้

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า กลยุทธ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นนโยบายเท่านั้น แต่ยังเป็นคำมั่นสัญญาที่จะกำหนดอนาคตของประเทศไทยใหม่ ด้วยการนำจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์มาใช้ค้นหาโอกาสใหม่ ๆ และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ตลอดจนเป็นคำมั่นสัญญาที่จะสร้างความมั่งคั่งร่วมกันสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นประชาชน ชุมชน และภูมิภาคโดยรวม โดยทั้งหมดนี้เป็น “Thailand’s next chapter” บทต่อไปของประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนร่วมเดินทางไปด้วยกัน เพื่อสร้างอนาคตที่กำหนดโดยนวัตกรรม ความยืดหยุ่น และโอกาสสำหรับทุกคน.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบเจ้าบ่าวลอบขนยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด

ปราจีนบุรี 17 พ.ค. – ตำรวจสกัดจับพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก กระสุนปืน 10 นัด รถกระบะ 1 คัน นาทีเจ้าหน้าที่สกัดจับนายธนธรรม หรือ เม่น เจ้าบ่าวซึ่งเพิ่งผ่านพิธีแต่งงานไปไม่นาน และเป็นหนึ่งในแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดยจับกุมได้บริเวณถนนบ้านหนองหอย อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด, อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก, กระสุนปืน 10 นัด และรถกระบะ 1 คัน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยขบวนการนี้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากริมแม่น้ำโขง จ.อำนาจเจริญ มาซุกซ่อนไว้ที่บ้านในปราจีนบุรี เพื่อเตรียมกระจายไปยังพื้นที่ปทุมธานี เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวจนพบว่าจะมีการเดินทางไปยัง จ.อุบลราชธานี เพื่อรับยาเสพติด กระทั่งกลุ่มผู้ต้องหารู้ตัวว่าถูกสะกดรอย จึงเร่งความเร็วรถหลบหนี ก่อนพุ่งชนรถเจ้าหน้าที่ และถูกสกัดจับไว้ได้ ขณะที่รถยนต์ 2 […]

ไรเดอร์ชกเบ้าตาแตก ฉุนเมาปักหมุดมั่วแถมลวนลาม

พัทยา 17 พ.ค.- ไรเดอร์ฉุน ชกนักท่องเที่ยวชาวอินเดียจนเบ้าตาแตก พยานบอกผู้ก่อเหตุฉุนปักหมุดผิดทำขี่วนหลายรอบ แถมถูกลวนลามจึงทนไม่ไหว นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย อายุประมาณ 35-40 ปี นอนบาดเจ็บ คิ้วซ้ายและเบ้าตาซ้ายแตกเลือดอาบหน้าอยู่ในอาการมึนเมา เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงประมาณตี 1 วันนี้ ในซอยเทพประสิทธิ์ 17 เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ส่วนผู้ก่อเหตุหลบหนีไปก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึง แต่พลเมืองดีบันทึกภาพไว้ได้ จึงมอบให้ตำรวจเป็นหลักฐาน สอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดฯ แห่งหนึ่งใกล้จุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุเป็นไรเดอร์ส่งผู้โดยสาร และเล่าให้ตนฟังว่านักท่องเที่ยวคนนี้มึนเมาอย่างหนัก แถมปักหมุดสถานที่ส่งผิดที่ ผู้ก่อเหตุก็พยายามวนหาอยู่หลายครั้ง เท่านั้นยังไม่พอ ผู้บาดเจ็บได้ลวนลามผู้ก่อเหตุ จนผู้ก่อเหตุโมโหและจอดรถชกหน้าทันที ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บจะเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองพัทยา หลังรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

ข่าวแนะนำ

เร่งช่วยคนพลัดตกหลุมก่อสร้างรถไฟฟ้า ลึกกว่า 10 ม.

กทม. 19 พ.ค. – เร่งช่วยคนพลัดตกหลุมลึกกว่า 10 ม. โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม เกิดเหตุคนพลัดตกลงไปในหลุมซึ่งกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ใกล้เคียงซอยหลานหลวง 8 ขนาดความลึกประมาณ 15-19 เมตร ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างช่วยเหลือ โดยโรยตัวลงไปช่วยผู้ติดอยู่ภายในหลุม สำหรับโครงการดังกล่าว เป็นโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เบื้องต้นคาดว่าอุบัติเหตุน่าจะเกิดระหว่างขั้นตอนก่อสร้าง ซึ่งเป็นช่วงที่ดันปลอกเหล็กขึ้นลงเพื่อขุดดินก่อสร้างสถานีหลานหลวง ส่วนสาเหตุที่แน่ชัดต้องตรวจสอบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

คุมตัวกรรมการบริษัท ว. และสหายฯ ส่งศาลฝากขัง

บางซื่อ 19 พ.ค. – ตำรวจคุมตัวกรรมการบริษัท ว. และสหายฯ ไปฝากขังศาลอาญาแล้ว พร้อมคัดค้านประกันตัว ส่วนนิติบุคคลบริษัท ตำรวจปล่อยตัวชั่วคราว ช่วงบ่ายวันนี้ (19 พ.ค.68) พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ควบคุมตัวนายพลเดช กรรมการบริษัท ว. และสหาย คอนซัลแตนส์ จำกัด ขึ้นรถตู้ตำรวจไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก บรรยากาศระหว่างเจ้าหน้าที่คุมตัวนายพลเดช ออกมาจากห้องสอบสวน บริเวณชั้น 1 ของโรงพัก เจ้าหน้าที่ได้พานายพลเดช เดินขึ้นไปยังชั้น 2 ก่อนจะพาเดินอ้อมไปอีกฝั่งหนึ่งของโรงพัก แล้วพาเดินลงมาขึ้นรถตู้ของ สน.บางซื่อ โดยระหว่างการควบคุมตัวขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า กังวลหรือไม่เรื่องการยื่นขอประกันตัว และสอบถามอีกว่า ปฏิเสธข้อกล่าวหาหรือไม่ แต่นายพลเดช ไม่ได้ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด มีสีหน้าค่อนข้างกังวล ก่อนจะขึ้นรถตู้ของ สน.บางซื่อ ขณะที่นายพฤหัส มหาวรรณ ทนายความ เดินตามมาทีหลัง ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามว่า นายพลเดช ให้การว่าอย่างไรบ้าง ปฏิเสธหรือยอมรับข้อกล่าวหา […]

นายกฯ แพทองธาร เปิดทำเนียบต้อนรับ ปธน.อินโดนีเซีย

ทำเนียบ 19 พ.ค.- นายกฯ แพทองธาร เปิดทำเนียบต้อนรับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เดินทางเยือนประเทศไทยในรอบ 20 ปี พร้อมสานต่อความสัมพันธ์ 75 ปี ยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างกันในทุกมิติ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ นายปราโบโว ซูบียันโต (H.E. Mr. Prabowo Subianto) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในการเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล (Official Visit) ในรอบ 20 ปี ในโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-อินโดนีเซีย นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า และนายกรัฐมนตรี เชิญประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ถ่ายภาพร่วมกัน ณ บันไดโถงกลาง ตึกไทยคู่ฟ้า และประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึก ณ ห้องสีงาช้าง (ด้านนอก) ตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นผู้นำทั้งสอง หารือข้อราชการเต็มคณะ ภายใต้กลไก Leaders’ Consultation ครั้งแรก […]

สภาพัฒน์ฯ แถลง GDP ไตรมาส 1/68 โต 3.1% ขณะที่ทั้งปีหั่นเหลือ 1.8%

กรุงเทพฯ 19 พ.ค. – สภาพัฒน์ฯ แถลง GDP ไตรมาส 1/68 โต 3.1% ขณะที่ทั้งปีหั่นเหลือ 1.8% ชี้มองตามสถานการณ์จริงไม่ได้มองในแง่ร้ายเกินไป ลุ้นเงินดิจิทัลเฟส 3 – มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงประชุมวันนี้ พร้อมเตือนผู้ประกอบการฯ เตรียมรองรับความผันผวนทางการค้า ส่วนประชาชนใช้จ่ายให้มีความรอบคอบมากขึ้น นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 1/68 ขยายตัว 3.1% ต่อเนื่องจากร้อยละ 3.3 ในไตรมาส 4/2567 ปัจจัยหลักมาจากการผลิตภาคเอกชนชะลอลง ขณะที่ภาคเกษตรเร่งขึ้น ด้านการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคขั้นสุดท้ายของเอกชน และรัฐบาล การนำเข้าสินค้าและบริการ และการสะสมทุนถาวรเบื้องต้นชะลอลง ขณะที่การส่งออกสินค้าและบริการขยายตัวในเกณฑ์สูง 12.3% โดยเร่งขึ้น 11.5% จากไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม สภาพัฒน์ฯ ได้ปรับคาดการณ์ GDP ปี 68 ลงเหลือเติบโต 1.3-2.3% หรือช่วงกลางของคาดการณ์ที่ 1.8% […]