กรุงเทพฯ 26 ต.ค.- ธ.ก.ส เผย ขณะนี้มีลูกค้าแจ้งความจำนงเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้แล้ว 7 แสนคน คาดถึงสิ้นเดือนต.ค. จะมีประมาณ 1 ล้าน ชี้จะให้ผู้มีหนี้ NPL ปรับโครงสร้างหนี้ก่อนเพื่อลดมูลหนี้ โดยดำเนินการควบคู่กับการศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ ธ.ก.ส. ซึ่งจะช่วยให้ฟื้นกลับเป็นหนี้ปกติได้เร็ว
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ขณะนี้มีลูกค้าแจ้งความจำนงเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้เกษตรกร 700,000 คน จากผู้มีสิทธิ์ 2 ล้านคน คาดว่า สิ้นเดือนตุลาคมจะมีประมาณ 1 ล้านคนคิดเป็นครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ โดยเหลือเวลาอีก 3 เดือนที่จะให้เกษตรกรสอบทานสิทธิ์เข้าร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile
สำหรับลูกค้าเกษตรกรที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้มีหนี้ NPL 600,000 ราย เป็นเงิน 36,000 ล้านบาทโดยธ.ก.ส. จะให้ปรับโครงสร้างหนี้ก่อนเข้าโครงการพักชำระหนี้ จากนั้นเมื่อเริ่มกลับมาชำระเงิน จะเป็นการตัดเงินต้นทั้งหมด ทำให้มูลหนี้ลดลงและมีศักยภาพฟื้นเป็นหนี้ปกติได้เร็วขึ้น
จากนั้นจะเข้าสู่การพัฒนาศักยภาพเพื่อฟื้นฟูลูกหนี้ ธ.ก.ส. ผู้ที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ดังกล่าวภายใต้หลักการ“ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เพื่อเป็นการบรรเทาภาระหนี้สินเกษตรกรอย่างบูรณาการ ธ.ก.ส. ร่วมกับส่วนงานราชการและหน่วยงานภายนอก ดำเนินการอบรมเกษตรกรคู่ขนานไปกับมาตรการพักชำระหนี้ที่ได้เพิ่มโอกาสให้เกษตรกรในการนำเงินไปลงทุนปรับเปลี่ยน หรือ ขยายการประกอบอาชีพ โดยการอบรมอาชีพเกษตรกรจะช่วยฟื้นฟูเกษตรกรให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างมีศักยภาพ มีความสามารถในการแข่งขัน มุ่งสร้างรายได้ให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต พร้อมทั้งเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมวินัยการเงินซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว
นายฉัตรชัยกล่าวว่า ธ.ก.ส. กำลังพิจารณาปรับงวดชำระหนี้ของเกษตรกรให้สอดคล้องกับรอบการผลิตซึ่งจะเป็นการช่วยทั้งเกษตรกรและธนาคารเพื่อลด NPL ทั้งนี้มองว่า หนี้ NPL ภาคการเกษตร โดยเฉพาะของลูกค้าธ.ก.ส. ไม่สามารถโอนไปสู่ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) เนื่องจากจะทำให้การบังคับจำนองสินทรัพย์เกิดขึ้นได้ โดยธ.ก.ส. ไม่ต้องการยึดที่นาหรือที่ดินทำกินของเกษตรกรจึงเปิดโอกาสให้ปรับโครงสร้างหนี้ได้ตลอดเวลา.-สำนักข่าวไทย