กทม. 24 ต.ค.-“เศรษฐา” เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายการสนับสนุนสมาคมกีฬาฯ ดัน 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจพลัส เดินหน้าจับคู่ใน 2 เดือน ได้เงินหนุน 1.5 พันล้าน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการสนับสนุนสมาคมกีฬาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน (1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ) โดยมี นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, นายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
สำหรับโครงการ1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ ได้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2548 โดยการนำกลับมาครั้งนี้ นายเศรษฐา มีการปรับเปลี่ยนขอบเขตการสนับสนุนให้กว้างมากขึ้น ให้ทุกสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ดึงภาคเอกชนมามีส่วนร่วมให้มากขึ้น เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดกับวงการกีฬาไทยภายใต้โครงการ 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ พลัส โดยสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยต่างๆ จะได้งบสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลา 4 ปี ซึ่งจะทำให้สามารถวางแผนพัฒนาระยะยาวได้ และงบประมาณในส่วนนี้สมาคมกีฬาฯ สามารถใช้จ่ายได้โดยไม่ติดระเบียบราชการ
ในที่ประชุม นายเศรษฐา ได้มีการกำหนดแนวทางการสนับสนุนโดยพิจารณาจากปัจจัยสำคัญดังนี้ 1.ความเป็นสากลของกีฬา 2. ความนิยมและความสนใจของประชาชนต่อกีฬา 3. ผลงานของสมาคมกีฬาที่ผ่านมา 4. แผนงานในการพัฒนาของสมาคมกีฬา 5. ความโปร่งใสในการบริหารจัดการของสมาคมกีฬา 6. การติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของสมาคมกีฬา
จากนั้นที่ประชุมได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 2 ชุด โดยชุดแรกคือ คณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ และกลั่นกรองการสนับสนุนสมาคมกีฬา มีนายชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ เป็นประธานอนุกรรมการ และผู้ว่าการ กกท. เป็นรองประธานอนุกรรมการ ส่วนชุดที่สอง คือ คณะอนุกรรมการพิจารณาจัดการสนับสนุนสมาคมกีฬาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน มี ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ในฐานะที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นประธานอนุกรรมการ และ นายศุภนิจ จัยวัฒน์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานอนุกรรมการ ทั้งสองอนุกรรมการมีหน้าที่พิจารณากลั่นกรองแผนงานของสมาคมกีฬาต่างๆ และประสานกับรัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชน เพื่อของบประมาณตามความเหมาะสม
นายเศรษฐา กล่าวปิดท้ายว่า สำหรับโครงการ 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ พลัสนี้ จะเริ่มงานในทันที และมีเป้าหมายว่าภายใน 2 เดือน จะเริ่มทยอย “จับคู่” ได้ โดยมีเป้างบประมาณอยู่ที่ 1,300-1,500 ล้านบาทต่อ 4 ปี ที่จะหามาสนับสนุนสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยภายใต้โครงการนี้.-สำนักข่าวไทย