อินเดีย 5 ต.ค. – น้ำทะลักทะเลสาบธารน้ำแข็งในอินเดีย ไหล่บ่าท่วมบ้านเรือนและถนนหนทาง มีผู้เสียชีวิตแล้ว 14 ราย สูญหายกว่า 100 คน
ฝนตกหนักในรัฐสิกขิม ทางตอนเหนือของอินเดีย ทำให้ทะเลสาบโลนัก ซึ่งเป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัย มีปริมาณน้ำเอ่อล้นและคันทำนบพังทลาย จนน้ำไหลบ่าอย่างรุนแรงพัดทำลายบ้านเรือน ถนน และสะพานตามริมแม่น้ำทีสตา (Teesta) เป็นระยะทาง 120 กิโลเมตร ทางการท้องถิ่นรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตที่ยืนยันแล้ว 14 ราย และสูญหายอีก 102 ราย จำนวนนี้เป็นทหารที่ประจำการในพื้นที่ชายแดนติดกับจีน 22 นาย กองทัพอินเดียเปิดปฏิบัติการค้นหาตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยต้องผจญกับฝนที่ตกหนักไม่หยุด น้ำเชี่ยวกราก และถนนหนทางพังเสียหายหลายจุด ส่วนผู้คนในชุมชนต่างๆ ได้รับความเดือดร้อน 22,000 คน
ภัยพิบัติครั้งนี้บ่งชี้ว่า ภาวะโลกร้อนส่งผลรุนแรงต่อธารน้ำแข็งบนเทือกเขาสูงที่ละลายเพิ่มขึ้นแล้วไปสะสมอยู่ในทะเลสาบเบื้องล่าง ผสมกับฝนที่ตกในปริมาณสูง ทำให้ทะเลสาบล้น
ข้ามมายังไต้หวัน ซึ่งเผชิญกับไต้ฝุ่น “โคอินุ” ที่ขึ้นฝั่งทางใต้สุดของเกาะ เช้าวันนี้ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบ 200 คน โรงเรียนและธุรกิจห้างร้านต่างๆ ต้องปิดเกือบทั้งหมด ก่อนที่พายุจะเคลื่อนตัวออก และอ่อนกำลังลงตามลำดับ แต่ที่สำคัญ ในระหว่างที่เคลื่อนตัวเข้าใกล้ไต้หวัน เมื่อคืนที่ผ่านมา สำนักอุตุนิยมวิทยากลางของไต้หวัน วัดความเร็วของลมกระโชกได้สูงถึง 342.72 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งเป็นแรงลมสูงสุดที่ไต้หวันเคยวัดได้ และสูงสุดเป็นอันดับ 3 เท่าที่เคยบันทึกมาบนโลก ลมแรงถึงขนาดทำให้เครื่องวัดความเร็วลมของสำนักพังเสียหาย โดยตามสถิตินั้น ความเร็วลมสูงสุดที่เคยวัดได้ เกิดขึ้นในออสเตรเลีย เมื่อปี 2539 วัดได้ 408 กิโลเมตร/ชั่วโมง อันดับ 2 ที่สหรัฐ เมื่อปี 2477 วัดได้ 372 กิโลเมตร/ชั่วโมง. – สำนักข่าวไทย