โรงแรมเซ็นทาราฯ ลาดพร้าว 8 ก.ย.-“อนุทิน” นำ 2 รัฐมนตรีช่วยมหาดไทยพบปะผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ มอบสโลแกน “ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที” ขอให้ทำงาน “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” อย่างเต็มที่ ยันไม่มีแบ่งสาย กำชับ ดูแลนายกฯเวลาลงพื้นที่ เป็นผู้บังคับบัญชาของมท.1
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วย นายทรงศักดิ์ ทองศรี และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ พบปะผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ในการประชุมขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย หลังจากเมื่อวานนี้ได้เข้ากระทรวงมหาดไทยเป็นวันแรก
นายอนุทิน กล่าวบนเวทีว่า ถือเป็นโอกาสอันดี เป็นจังหวะที่ดี ที่ตัวเองและรัฐมนตรีช่วยมีโอกาสได้มา พบกับผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งถือเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงมหาดไทย พร้อมกล่าวขอบคุณผู้บริหารของกระทรวงมหาดไทยทุกคนได้ให้การต้อนรับอย่างความอบอุ่นและมีไมตรีจิตที่จะทำงานร่วมกัน
สำหรับตัวเองเป็นคนนอกกระทรวงมาก่อนมองว่า กระทรวงมหาดไทยถือเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ต้องมีความรับผิดชอบต่อประชาชนตั้งแต่เกิดเจริญเติบโต สูงวัย สูงอายุ จนสิ้นอายุขัย ทุกอย่างมีความเกี่ยวพันต่อเนื่องกับภารกิจของกระทรวงมหาดไทย ภารกิจของกระทรวงมหาดไทยจึงแทบจะครอบจักรวาล และมีความสำคัญในทุกอย่าง แต่จะจัดลำดับความสำคัญอย่างไรให้ถูกแปลไปให้เกิดคุณประโยชน์กับประชาชน
นายอนุทิน ขอเน้นย้ำว่า ภารกิจของตัวเอง คือการถวายความจงรักภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของคยไทยทุกคน นี่คือวาระสำคัญของการเป็ารัฐมนตรีมหาดไทย ของตัวเอง และทีมงาน เพราะฉะนั้นเมื่อใดที่อธืบดี หรือผู้ว่าฯ ได้รับภารกิจต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบัน เราต้องถวายงาน ไม่ต้องมาถามตัวเอง ทำไปเลย ทำอย่างทุ่มเท ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เพื่อให้บังเกิดผลงาน บังเกิดสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประเทศกับประชาชน ถัดไปคือการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ไม่ใช่แค่กัยคนใดคนนึง แต่ต้องเป็นประชาชนทุกคน
นายอนุทิน กล่าวถึงกรณีนายธนัญชัย หมั่นมาก ลูกน้องคนสนิทของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก ใช้อาวุธปืน ยิงตำรวจทางหลวงเสียชีวิตว่า เป็นเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยที่จะต้องระดมสมองร่วมกันหารือ ที่จะไม่ให้ระบบเหล่านี้มาทำลายชีวิต ทำลายความเป็นอยู่ของประชาชน ที่ลูกน้องของผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งถือปืนเข้ามาสังหารประชาชน หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐ โดยความเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ความเป็นพ่อเมืองของทุกคน ปล่อยให้เกิดเรื่องนี้แบบนี้ไม่ได้ และต้องลงไปตรวจสอบว่า คนแบบนี้เป็นกำนัน เป็นหัวหน้า เป็นผู้นำชุมชนได้อย่างไร และหากประชาชนต้องตาใคยเหล่านี้ประเทศจะเป็นอย่างไร โดยหลังจากนี้จะต้องมีการขึ้นบัญชี สอบประวัติ และพฤติกรรม หากพบมีพฤติกรรมเช่นนี้ คงมาเป็นผู้นำมวลชนไม่ได้ และมีที่เดียวที่จะอยู่ ซึ่งสมัยก่อนสังกัดกระทรวงมหาดไทย แต่ขณะนี้ไปสังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ส่งไปปลายทางนั้นที่น่าจะยินดีรับคนเหล่านี้
นายอนุทิน ยังขอเวลาตัวเอง และรัฐมนตรีช่วย ซึ่งจะพยายามเข้ามาจัดลำดับงานเร่งด่วนที่สุด ว่าต้องขับเคลื่อนอย่างไร แต่คิดว่า พื้นฐานก็คงไม่ต่างจากสิ่งที่ตัวเองปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมา พร้อมขอความร่วมมืออย่างเต็มที่จากผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยทุกคน เพราะมีเป้าหมายคือความสุขของประชาชน ความอยู่ดีกินดี ตัวเองนั้นมั่นใจว่า ทุกคนมีความยืดหยุ่น เปลี่ยนแปลงสภาพการทำงานให้สอดคล้องก้บยโยบายของผู้ที่เข้ามาบรืหาร วันนี้ตัวเองมีนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำรัฐบาล ขอให้มั่นใจว่า แม้จะอยู่ต่างพรรคกัน ขับเคี่ยวกันในการหาเสียง แต่ทุกอย่างก็จบแล้ว มาเป็นคณะรัฐมนตรี ดังนั้นการขับเคลื่อนงานของตัวเองไม่มีพรรคการเมืองแล้ว มีแต่รัฐบาลโดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล
“ขอให้ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ยึดหลักการทำงาน “ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที” หากใครมีปัญหาเรื่องเร่งด่วน ขอให้โทรหาตัวเอง หรือรัฐมนตรีช่วยได้ทันที อย่าไลน์มา เพราะบางทีไม่ได้อ่าน ไม่ต้องเกรงใจ เพราะบางทีระบบไลน์ก็ทำให้คนเราขาดปฏิสัมพันธ์ ทั้งนี้ขอให้สบายใจกับการทำงานของตัวเอง เพราะเป็นคนติดดิน อยู่ง่ายกินง่าย และจะไม่เป็นภาระกับข้าราชการ หากนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดใด ขอให้ผู้ว่าฯ อยู่กับนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีด้วยด้วย อย่ามอบหมายคนอื่น และไม่ต้องเป็นห่วงตัวเองว่า จะไม่มีคนดูแล เพราะมีคนอื่นดูแลอยู่แล้ว อยากให้ไปคอยอธิบายหรือชี้แจงกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีใครอยู่สายใคร เป็นคนมหาดไทยเหมือนกันหมด เพราะ 1+1 ต้องเท่ากับ 2 ไม่มช่ 1+1 เท่ากับ 1 หรือ 0 จึงขอให้ทุกคนสบายใจได้ ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ซื่อสัตย์ สุจริต มีความมั่นคง ใครก็ทำลายความเจริญก้าวหน้าของท่านไม่ได้ และใครมาพูดเรื่องตำแหน่ง หรือผลประโยชน์ก็อย่าไปเชื่อ ถ้าใครอ้างว่าเป็นตัวแทนของตัวเองมาพูด ให้ถ่ายรูปหรือวีดีโอส่งมา แล้วดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งถ้าข้าราชการไม่ได้ ทำผิดทำนองคลองธรรม ผิดกฎหมาย ผิดระเบียบ ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกท่านเป็นอันขาด
“ขอยืนยันตรงนี้และขอให้วางใจว่าจะไม่มีการรับน้องใดๆ ต่อไปคงได้พบปะกันอีก และคงได้เข้าใจความเป็นตัวตนของผมมากขึ้น ขออย่างเดียวคือ ความร่วมมือ ความจริงใจ อย่ารังแกประชาชน อย่าให้ประชาชนถูกรังแก และกำจัดคนที่ชอบรังแกประชาชน ถ้าเกิดความเป็นธรรมแล้วสิ่งดีๆ ก็จะเกิดขึ้นตามมา และขอให้ทำงานให้สนุก ถึงจะเป็นสุข เมื่อสมัยที่คุณพ่อถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดก็ถูกตีตราขึ้นหน้าหนึ่ง แต่เมื่อแก้ไขชี้แจงได้ ทำให้กลายเป็นสิ่งที่ดี กลับไปถูกนำเสนออยู่ท้ายๆ แต่ตราบาปก็ยังคงอยู่ อาจจะแกะได้หรือแกะไม่ได้เลย” นายอนุทิน กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน นายชาดา และนายทรงศักดิ์ได้เข้าไปทักทายสมาคมแม่บ้านมหาดไทยที่ประชุมอยู่ห้องติดกัน โดยนางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย เป็นตัวแทนมอบดอกไม้แสดงความยินดี พร้อมกล่าวเป็นกำลังใจ ซึ่งกล่าวติดตลกว่า อยู่ชมรม “เกลียมัว” (กลัวเมีย) พร้อมเล่าว่า ในงานเลี้ยงหนึ่ง พิธีกรประกาศว่าใครกลัวเมียขึ้นมาบนเวที ตัวเองและคนอื่น ๆ รีบขึ้นเวทีกันหมด ยกเว้นท่านปลัด (สุทธิพล จุลเจริญ) ที่นั่งคนเดียว จึงถามว่าทำไมท่านปลัดไม่ขึ้นมา ท่านปลัดตอบว่า คุณวันดี (ภรรยา) ยังไม่ได้สั่ง
“ยุคนี้อย่างที่บอก “ไม่มีครับ มท.1 มีแต่มท.หนู มท.ป้อม (ชื่อเล่นทรงศักดิ์) มท.หลา (ชื่อเรีอกชาดา) เพราะต้องทำงานด้วยกัน” แล้วก็ทำให้เป้าหมายคือประชาชน พร้อมฝากไว้สามคำ ให้กรอกหูสามีทุกวันก่อนนอน “ทันสมัย ทันท่วงที ทันเวลา” ถือเป็นสโลแกนในการทำงานของพวกเรา ที่เข้ามาทำงานในยุคนี้” นายอนุทิน กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนร่วมงาน นายยงยุทธ สวนทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้เข้ารายงานเหตุกำนันตกเป็นผู้ต้องหาคดีสังหารสารวัตรทางหลวงให้นายอนุทินทราบ.-สำนักข่าวไทย