กรุงเทพฯ 30 ส.ค.-“เรืองไกร” ส่งจดหมายถึงนายกฯ ขอสั่งกรมสรรพากรตรวจการเสียภาษี “ชาดา” ถูกต้องหรือไม่
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ไปถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณาสั่งการให้กรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส. พรรคภูมิใจไทย จากกรณีการยื่นแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.กรณีพ้นจากตำแหน่ง สส.เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566 โดยระบุมีรายได้รวมต่อปี 28,012,720 บาท มาจากค่าตอบแทน ค่าที่ปรึกษา ขายนาฬิกา 1 เรือนมูลค่า 8,000,000 บาท และการประกอบธุรกิจปสุสัตว์ ( รายได้ค่าตอบแทน 1,362,720 บาท รายได้ค่าที่ปรึกษา 600,000 บาท รายได้ค่าเช่าแผงเนื้อ 600,000 บาท รายได้ค่าขายนาฬิกา 1 เรือน 8,000,000 บาท รายได้ค่าอ้อย 450,000 บาท รายได้ธุรกิจค้าโค-กระบือ 10,000,000 บาท รายได้ค้าโคกระบือชำแหละ 7,000,000 บาท รวมรายได้ต่อปี 28,012,720 บาท)
นายเรืองไกร กล่าวว่า ในส่วนของข้อมูลการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีภาษีที่ผ่านมา นายชาดาแจ้งว่ามีเงินได้พึงประเมิณตามประมวลรัษฎากร 6,036,751.38 บาท และแจ้งเกี่ยวกับรายได้ในส่วนรายละเอียดในส่วนของเงินลงทุนบางส่วน จากมีโค จำนวน 214 ตัว 10,700,000 บาท และกระบือ จำนวน 132 ตัว 6,600,000 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับนายจักรพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ ที่ยื่นพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.ระบุมีรายได้รวมต่อปี 1,962,700 บาท จากเงินเดือน 1,362,720 บาท และรายได้จากการเลี้ยงสัตว์ 600,000 บาท เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในรอบปีที่ผ่านมา ตามประมวลรัษฎากร 1,962,7000 บาท และมีระบุรายละเอียดประกอบรายการเงินลงทุน(บางส่วน) มีรายได้จาก ไก่ชนพร้อมอุปกรณ์เลี้ยงไก่ 500 ตัว มูลค่า 5,000,000 บาท
“จะเห็นว่ารายได้รวมกับเงินได้พึงประเมิณตามประมวลรัษฎากรมีจำนวนเท่ากัน แต่นายชาดา ที่แจ้งรายได้รวมต่อปี 28,012,720 บาท เมื่อหักรายได้ค่าขายนาฬิกา 1 เรือน มูลค่า 8,000,000 บาท น่าจะเป็นการขายสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมเสียภาษี) ควรจะเหลือรายได้ที่นำไปเสียภาษี 20,012,720 บาท ดังนั้น เงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร ที่แจ้งไว้ 6,036,751.38 บาท จึงมีผลต่างเป็นจำนวนประมาณเกือบ 14 ล้านบาท (20,012,720 – 6,036,751.38) กรณีจึงมีเหตุอันควรขอให้มีการตรวจสอบภาษีต่อไปว่ามีการนำรายได้ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไปชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรโดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่” นายเรืองไกร กล่าว.-สำนักข่าวไทย