คุณหมิง 18 ส.ค.- กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นำผู้ส่งออกไทยเข้าร่วมงาน TOP Thai Brands Kunming 2023 หลังโควิดเบาลงที่นครคุณหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ปลื้มชาวจีนสนใจสินค้าไทยเพียบ มั่นใจตลอดจัดงาน 5 วัน ยอดขายมากกว่า 60 ล้านบาท ย้ำบันทึกความเข้าใจด้านความร่วมมือทางการค้า หรือ Mini FTA (มินิ เอฟทีเอ) ฉบับใหม่กับมณฑลยูนนานจะเป็นประตูสินค้าไทยเข้ามาทำตลาดได้เพิ่มมากขึ้น เตรียมแผนเจาะตลาดรอรัฐบาลใหม่พิจารณาดันยอดส่งออกทั้งปีให้เป็นบวก
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 16-18 ส.ค.นี้ กรมฯได้นำผู้ประกอบการไทย เข้าร่วมในงานแสดงสินค้า China-South Asia Expo ครั้งที่ 7 ภายใต้งานแสดงสินค้า “สุดยอดแบรนด์ไทย ก้าวไกลสู่สากล” หรือ “TOP Thai Brands Kunming 2023” ซึ่งบริเวณคูหาไทย ในพาวิลเลี่ยนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ศูนย์การประชุมและนิทรรศการนานาชาติเตียนฉือ นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีนมีผู้ประกอบการสินค้าไทย 38 ราย ในกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม สิ่งทอและแฟชัน ของตกแต่งบ้าน สุขภาพ และความงาม เข้าร่วมแสดงสินค้า เพื่อแนะนำสินค้าไทย ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น รวมถึงสามารถขายไปยังประเทศผู้ซื้อ-ผู้นำเข้า
อย่างไรก็ตาม ได้รับรายงานชาวจีนจากมณฑลยูนนานจำนวนมากได้เดินทางมาเข้าชมงานภายในบริเวณคูหาไทยในแต่ละวันกันเป็นจำนวนไม่น้อยและเลือกซื้อสินค้าที่ไทยนำมาจัดแสดงแต่ละรายการสินค้าบางร้านค้าได้จำหน่ายหมดภายในวันนั้น ซึ่งขณะนี้แสดงให้เห็นว่าชาวจีนเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอยหลังจากเจอปัญหาโควิดระบาดเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาที่ไม่ได้จัดงาน แต่หลังจากปีนี้ได้กลับมาจัดงานแสดงสินค้าได้อีกจากโควิดเบาลง ทำให้ชาวมณฑลยูนนานกล้าออกมาซื้อหาสินค้าโดยสินค้าไทยที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากทั้ง ผลไม้สด ผลไม้อบแห้ง อาหารพร้อมทาน บริการนวดไทย และกลุ่มสมุนไพร ที่ทำเป็นสินค้ายาดม น้ำมันนวด และบาล์ม รวมทั้งคูหาผู้นำเข้าสินค้าไทย 20 รายด้วย
อย่างไรก็ตาม งาน China-South Asia Expo เป็นงานแสดงสินค้านานาชาติที่มีความสำคัญ และใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนนาน ซึ่งมีศักยภาพและความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา มีมูลค่า GDP กว่า 2 ล้าน 8 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 4.3% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภาพรวมของจีน ที่ 3% ซึ่งงาน Top Thai Brands Kunming 2023 ถือเป็นครั้งแรก ที่กระทรวงพาณิชย์ กลับมาจัดงานออฟไลน์เต็มรูปแบบ นับตั้งแต่จีนเปิดประเทศ และยกเลิกมาตรการ Zero Covid โดยคาดว่า การจัดงานครั้งนี้ จะสร้างมูลค่าการค้าประมาณ 60 ล้านบาท และยังมีแผนจัดงาน TOP Thai Brands ในปีอีก 2 ครั้ง ที่กรุงธากา บังกลาเทศและที่ เมืองบังกาลอร์ อินเดีย
นอกจากนี้ ยังมีการลงนามความร่วมมือระหว่างเอกชนไทย และยูนนานคู่ขนานไปด้วยอีก 2 คู่ฉบับ บริษัท ฟาร์อี โลจิสติกส์ ของไทย กับ หยุนหนานเหมิงจื้อ เพื่อร่วมกันทำการค้าในรูปแบบ การค้า-ขายแบบนำเข้าและส่งออกผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ หรือ Cross Border E-Commerce ซึ่งจะนำเข้าสินค้าไทยหลายชนิด โดยจะเริ่มจากข้าวไทย คาดว่า ภายในปีแรก จะสร้างมูลค่าการค้าได้กว่า 200 ล้านบาท ส่วนอีกฉบับ ความร่วมมือระหว่าง นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี กับ หยุนหนานเถิงจิ้น รัฐวิสาหกิจ และบริษัทโลจิสติกส์ระดับชั้นนำของมณฑลยูนนาน เส้นทางรถไฟจีน-ลาว เพื่อหาแนวทางลดต้นทุนโลจิสติกส์ เพิ่มทางเลือกในการขนส่งสินค้าทางรถไฟ ในราคาใกล้เคียงกับเส้นทางขนส่งทางบก โดยทางกรมฯยังมั่นใจว่าตลาดจีนเป็นตลาดการค้าที่สำคัญต่อการค้าและการลงทุนของไทยอยู่มาก
อย่างไรก็ตาม หากดูมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับจีนในปี 66 ยังมั่นใจว่ามีโอกาสเติบโตไม่ 1% หรือมียอดมูลค่ารวมอยู่ที่กว่า 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น ขณะนี้คงต้องติดตามและรับฟังนโยบายของรัฐบาลใหม่ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ แต่ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ต้องเร่งเดินหน้าตามแผนผลักดันการส่งออกที่วางไว้ในตลาดเป้าหมาย ที่จะต้องรอรัฐบาลใหม่ ไปบุกและเจาะตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะเอเชียกลาง ซึ่งมีโอกาสอีกมาก รวมทั้งมีแผนงานไว้รองรับแล้ว และตลาดเป้าหมายอื่นทั้งตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และจีน ที่ต้องดำเนินการอย่างเข้มข้น
“แม้ปีนี้ ยังมีหลายปีจจัยที่กระทบทำให้การส่งออกจะยังไม่ดีนัก แต่กระทรวงพาณิชย์ ยังคงเป้าหมายการส่งออกไว้ที่ 1-2% เพราะจากการประเมินร่วมกับภาคเอกชนในหลายกลุ่มสินค้า ยังยืนยันแต่ละกลุ่มสินค้า มีคำสั่งซื้อต่อเนื่อง น่าจะส่งออกเป็นบวกได้ จึงต้องติดตามสถานการณ์การส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังอีกครั้ง” นายภูสิตกล่าว .-สำนักข่าวไทย