กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – สายไหมต้องรอดเปิดโปงเก้าอี้ผู้การจังหวัด ที่มีแรงงานเถื่อนมาก ราคาพุ่งถึง 60 ล้านบาท
นายเอกภพ บอกว่าได้รับข้อมูลเรื่องนี้มาจากการร้องเรียนผ่านทางเพจสายไหมต้องรอด ซึ่งการจ่ายส่วยต่างด้าวเกิดขึ้นตั้งแต่แรงงานคิดจะเดินทางเข้ามาแสวงหางานทำในประเทศไทย ทั้งที่มาแบบถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย เท่าที่ได้ข้อมูลคือต้องจ่ายส่วยให้กับนายหน้าที่ฝั่งไทยหน่วยต่างๆ ที่อยู่ตะเข็บชายแดน ผ่านนายหน้า และจ่ายต่อเนื่องตลอดเส้นทางที่แรงงานต้องการจะเดินทางไปทำงาน ยกตัวอย่างแรงงานต้องการไปทำงานในจังหวัดหนึ่งทางภาคกลาง ในพื้นที่จะมีขบวนการเก็บค่าหัวรายเดือนรออยู่อีก แรงงานถูกกฎหมายจ่ายส่วยเดือนละ 1,000 บาท หากเป็นแรงงานที่ผิดกฎหมาย จ่ายเพิ่มเป็น 2,000 บาท
แฉมีตำรวจทำหน้าที่ “แม่บ้าน” จัดเก็บส่วยต่างด้าว
นายเอกภพ ย้ำว่าปัญหาเรื่องส่วยต่างด้าวทำเป็นระบบ ไม่ใช่เฉพาะตำรวจเท่านั้น แต่สำหรับตำรวจได้ข้อมูลมาว่าจะมีตำรวจที่เรียกกันว่า “แม่บ้าน” ทำหน้าที่จัดเก็บส่วยต่างด้าว และไม่ว่าผู้บังคับบัญชาจะโยกย้ายสับเปลี่ยนไปกี่ครั้ง การเก็บส่วยก็ยังดำเนินต่อไป
นอกจากนี้ยังได้ข้อมูลมาว่าในอดีตหากนายตำรวจที่จะไปเป็นผู้การจังหวัดแนวตะเข็บชายแดนภาคตะวันออก จะต้องจ่ายเงินซื้อเก้าอี้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ส่วนตำแหน่งผู้กำกับ ต้องจ่ายค่าเก้าอี้ประมาณ 10 ล้านบาท
“เอกภพ” แฉข้อมูลจ่าย 40 ล้านบาท แลกตำแหน่งผู้การ
นายเอกภพ ยังเปิดข้อมูลว่าในอดีตเคยมีนายตำรวจยอมจ่ายเงิน 40 ล้านบาท เพื่อให้ได้ไปเป็นผู้การจังหวัดหนึ่งในภาคกลาง ที่มีสถานประกอบการและแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก โดยยอมผ่อนจ่ายค่าตำแหน่งรายเดือน แต่ถือว่าคุ้มมาก เพราะสามารถเก็บส่วยต่างด้าวได้เดือนละกว่า 10 ล้านบาท ผ่านไป 4-5 เดือน ก็คืนทุนแล้ว
ส่วนเงินที่เก็บจากต่างด้าว นายเอกภพ บอกว่าจะถูกรวบรวมส่งไปตามเส้นทางเงิน ซึ่งทำกันเป็นปกติอยู่แล้ว เรื่อยไปจนถึงยอดพีระมิด ซึ่งผู้ที่อยู่ยอดพีระมิดก็ไม่ทราบว่าเงินมาจากส่วนใดบ้าง คือจะรู้แค่ว่าเป็นเงินนอกระบบที่เก็บส่งมารายเดือนเท่านั้น โดยจะดูแค่ว่ายอดเป็นไปตามต้องการหรือไม่
นายเอกภพ ย้ำทิ้งท้ายว่าข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นข้อมูลจากการที่ตนเคยได้รับร้องเรียนมาทั้งสิ้น และย้ำว่าส่วยไม่ได้จ่ายให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ทำเป็นระบบ รับเงินถ้วนหน้าทุกฝ่าย.-สำนักข่าวไทย