fbpx

“เศรษฐา” โพสต์คลิปวันแรงงาน ย้ำทุกคนต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

กทม. 1 พ.ค.- “เศรษฐา” โพสต์คลิปในวันแรงงาน ย้ำทุกคนต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นภายใต้รัฐบาลเพื่อไทย พร้อมยืนยันทุกนโยบายเป็นฟันเฟืองทำงานเชื่อมต่อกันเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจทั้งระบบ ตั้งแต่ค่าครองชีพคนจนถึงโครงสร้างความเหลื่อมล้ำ มุ่งยกระดับประเทศตั้งแต่ฐานราก


วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์คลิปวิดีโอ ผ่าน https://fb.watch/keStxc-m_v/?mibextid=DDXixF โดย นายเศรษฐา ระบุข้อความโดยให้ความสำคัญเนื่องในวันแรงงาน วันที่ 1 พ.ค. 2566 โดยระบุข้อความว่า “แรงงานถือเป็นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศ พี่น้องแรงงานต้องได้รับการพัฒนาทั้งด้านศักยภาพและสวัสดิการ คุณภาพชีวิตของทุกคน ต้องดีขึ้น ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยครับ”

เวลาต่อมา นายเศรษฐา ก็ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ส่วนตัวอีกครั้ง โดยย้ำถึงนโยบายปรับค่าแรง 600 บาท และเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 25,000 บาท ว่า การแก้ปัญหาค่าครองชีพและความเหลื่อมล้ำอันต้องมองแบบบูรณาการ ตนเชื่อว่าในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ประชาชนไทยจำนวนมากมีปัญหาเรื่องปากท้องและความเป็นอยู่ ซึ่งฉายภาพให้เห็นก็คือ 8 ปีที่ผ่านมา เราเห็นมีการปรับค่าแรงขึ้นเพียง 54 บาท จาก 300 บาทเป็น 354 บาท เงินเดือนในการจ้างงานผู้ที่จบวุฒิปริญญาตรี ได้มีการปรับขึ้นเพียง 1 ครั้ง จาก 14,000 เป็น 15,000 บาทในปี 2558 แต่ตนอยากชี้ให้เห็นว่าปัญหาความลำบากของพี่น้องประชาชนชาวไทยนี้ไม่ได้มีแค่มิติเดียว แต่มี 2 เรื่องที่ทับซ้อนกันอย่างแยกไม่ออก โดยมิติแรก ถ้าดูกันแบบตรงๆ ก็จะเป็นปัญหาเรื่องของค่าครองชีพ ซึ่งถ้าหากมองอัตราเงินเฟ้อกับค่าแรงขั้นต่ำเพียงอย่างเดียว จะเห็นว่าระหว่างปี ‘57 กับปี ‘65 เงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 8% แต่ มีการปรับค่าแรงเพิ่มถึง 16% ในระยะเวลาเดียวกัน ก็อาจจะดูว่าโอเค แต่ถ้าเรามองลึกลงไปอีกจะเห็นว่าสิ่งจำเป็นต่อการอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี นั้นกลับแพงขึ้นมาก ยกตัวอย่างเนื้อหมู สี่ปีที่ผ่านมา ราคาหมูแพงขึ้น 30% ราคาเนื้อไก่แพงขึ้น 20% หรือ ราคาผักบางชนิดที่แพงขึ้นถึง 70% ซ้ำยังพ่วงเข้าไปด้วยภาระหนี้ต่อครัวเรือนที่สูงขึ้นถึง 47% ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากพิษโควิด 19 ที่ทำให้หลายคนตกงาน ทำให้เห็นได้ว่าในชีวิตจริงแล้ว ความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทยแย่ลงอย่างน่าสลดใจ แต่กลับถูกเพิกเฉยโดยรัฐ


นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ส่วนอีกประเด็นที่ทับซ้อนเรื่องของค่าครองชีพดังกล่าวก็คือปัญหาด้านความเหลื่อมล้ำ ที่ซ้ำเติมยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งถ้าจะยกให้เห็นภาพก็คือเปรียบเทียบการเติบโตกว่า 31% ของ Real GDP ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่ค่าแรงที่โต 18% และ เงินเดือนวุฒิปริญญาตรีที่ขึ้นแค่ครั้งเดียวเพียง 7% และไม่ปรับอีกเลยในช่วงเวลาดังกล่าว ในขณะเดียวกันคนรวยยังรวยขึ้นก้าวกระโดด โดยเฉพาะกลุ่มนายทุน ที่ได้อานิสงส์จากต้นทุนค่าแรงที่โตช้า ส่งผลให้เกิดการฟื้นฟูและเติบโตทางเศรษฐกิจในรูปแบบ k-shape ตามที่ตนเคยกล่าวไว้เสมอมา (คนรวยยิ่งรวยห่างจากกลุ่มที่อ่อนไหวทางเศรษฐกิจไปเรื่อยๆ) ดังนั้น จึงเป็นที่มาของนโยบายต่างๆ ที่เราได้นำเสนอ หากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทอย่างทันทีภายในปี 2567 และภายใน 4 ปีเราตั้งเป้าค่าแรงขั้นต่ำที่ 600 บาท รวมถึงเงินเดือนขั้นต่ำของปริญญาตรีที่ 25,000 บาท ซึ่งจากการวิเคราะห์ของเราสามารถทำได้เพราะไม่ได้ปรับทันทีทีเดียว แต่จะค่อยๆ ปรับตามการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งเราคาดว่าจะทำให้ GDP โตเฉลี่ยที่ 5% ต่อปี นอกจากนั้นแล้ว เราจะเน้นเรื่องการศึกษาเพื่อให้ประชากรของเราได้พัฒนาความรู้ให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานในบางภาคธุรกิจเช่น ภาคอุตสาหกรรมหรือการผลิตซอฟท์แวร์ ซึ่งทุกวันนี้จ่ายค่าแรงสูงกว่า 600 บาทต่อวัน และ 25,000 บาทต่อเดือนอยู่แล้ว หากเรามีโอกาสได้ดำเนินนโยบายค่าแรงขั้นต่ำที่เราวางไว้ จะเกิดประโยชน์มากมาย เราจะเป็นประเทศที่อยู่ด้วยหลัก ทุนนิยมมีหัวใจ คือ การทำให้เศรษฐกิจโต แต่เป็นการโตทั้งระบบ ไม่เอาเปรียบใคร ทำให้ช่องว่างของความไม่เท่าเทียมนั้นลดลง เราจะดึงดูดคนให้เข้าสู่ระบบการศึกษาและจบปริญญามากขึ้น เป็นการลดปัญหาสังคม และยังสร้างพนักงานมีคุณภาพให้กับภาคเอกชนด้วย นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายดังกล่าวจะช่วยยกระดับส่วนงานภาคราชการซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศอีกด้วย ตนขอยกตัวอย่างประเทศสิงคโปร์เป็นกรณีศึกษา ที่ราชการเป็นอาชีพที่เงินเดือนไม่แพ้ภาคเอกชน ดังนั้นเราต้องมองถึงการทำให้ค่าตอบแทนราชการไทยเหมาะสม และดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพสูงมาทำงาน เพราะที่ผ่านมาตนเชื่อว่ามีคนมีความสามารถมากมายที่อยากจะทำงานราชการ ให้บริการภาคประชาชนอย่างเต็มที่ แต่ติดตรงที่ค่าตอบแทนไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ

“ผมอยากชวนให้ทุกท่านมองนโยบายนี้เชื่อมโยงกับนโยบายอื่นๆ ของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะเมื่อทำควบคู่กับนโยบายเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น นโยบายเรียนรู้มีรายได้ เรียนรู้ง่ายตลอดชีวิต (Learn to Earn) นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000บาท การเพิ่มนักท่องเที่ยว การจัดตั้งเขตธุรกิจใหม่ เราจะเห็นว่าทุกนโยบายล้วนเป็นฟันเพืองสำคัญที่ทำงานร่วมกัน และจะช่วยเสริมสร้างให้ประเทศมี ศักยภาพที่ดีขึ้น และช่วยยกระดับประเทศตั้งแต่ฐานรากครับ” นายเศรษฐา ระบุ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกตรวจน้ำท่วมเชียงราย

นายกฯ บินเชียงราย ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม

“นายกฯ แพทองธาร” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เตรียมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.เชียงราย พร้อมตรวจเยี่ยมการลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือของกองทัพ

ชิงทองระนอง68บาท

รวบแล้วโจรชิงทอง 68 บาท กลางห้างดังระนอง

รวบแล้ว 2 คนร้ายชายหญิง จี้ชิงทอง 68 บาท ในห้างดังกลางเมืองระนอง ฝ่ายชายรับสารภาพ ชีวิตตกต่ำ ไม่มีรายได้ จึงชวนหลานสาววัย 16 ปี มาร่วมก่อเหตุชิงทอง

น้องชายรัวยิงพี่สาวตายกลางงานศพแม่ อ้างฉุนไม่ให้ร่วมจัดงานศพ

น้องชายชักปืนรัวยิงพี่สาวเสียชีวิตกลางงานศพแม่ ภายหลังน้องชายเข้ามอบตัวกับตำรวจ อ้างเหตุผลฆ่าเพราะโมโห รู้สึกว่าพี่สาวใจดำมากที่กีดกันไม่ให้ตนช่วยจัดงานศพแม่

บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ

เจ้าหน้าที่ อย. ร่วมสืบนครบาล บุกทลายโรงงานผลิตยาเถื่อน ย่านทุ่งครุ มีเบาะแสต้นตอการทะลักของยาเขียวเหลือง ตะลึงพบซากจิ้งจกตายในหม้อต้ม ขณะที่เจ้าของโรงงานยันประกอบอาชีพโดยสุจริต

ข่าวแนะนำ

ภูเก็ตฝนตกต่อเนื่อง ชาวบ้านหวั่นเขาถล่มซ้ำ

หลังจากตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาจนถึงเวลานี้ จ.ภูเก็ต มีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้หลายพื้นที่เผชิญกับน้ำท่วมขัง ขณะที่พื้นที่ ต.กะรน จุดที่เคยเกิดดินถล่ม มีผู้เสียชีวิต 13 ราย เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านในพื้นที่อยู่อย่างผวา เพราะกลัวดินจากภูเขาจะถล่มซ้ำอีก

ช่วย 143 นักท่องเที่ยวติดเกาะราชาใหญ่ ขึ้นฝั่งภูเก็ตปลอดภัย

ศรชล.ภาค 3 ร่วมกับทัพเรือภาคที่ 3 ส่งเรือ ต.111 ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวต่างชาติ 143 คน ติดค้างบนเกาะราชาใหญ่ กลับเข้าฝั่ง จ.ภูเก็ต ได้อย่างปลอดภัย

น้ำในตัวเมืองหนองคายใกล้แห้ง หลังโขงพ้นวิกฤติ

หลายตำบลใน อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย น้ำยังท่วมสูงและเพิ่มระดับ บางจุดถูกตัดขาดมากว่า 2 สัปดาห์ ถือว่าหนักสุดในรอบ 30 ปี ขณะที่ในตัวเมือง น้ำใกล้แห้ง หลังระดับแม่น้ำโขงใกล้พ้นจุดวิกฤติ

“อ.เฉลิมชัย” ชี้รูปปั้น “Angel” เป็นแพะรับบาป

ดราม่ารูปปั้น Angel of Maesai หน้าด่านชายแดนไทย-เมียนมา ถูกวิจารณ์เป็นต้นเหตุทำให้น้ำท่วม อ.แม่สาย หนักสุดในรอบ 100 ปี ด้าน “อ.เฉลิมชัย” วอนอย่าโยนบาปให้งานศิลปะ พร้อมเคลื่อนย้ายไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงรายแล้ว