กรุงเทพฯ 2 มิ.ย. – ทั่วโลกจับตาสหรัฐจะออกจาก “ข้อตกลงปารีส” จริงหรือไม่ กระทบใหญ่ต่อสิ่งแวดล้อม ดึงราคาน้ำมันให้ต่ำต่อไป
ในงาน International CSR Summit 2017 ภาคธุรกิจสร้างความร่วมมือนำ UNSDG (UN Sustainable Development Goals ) เป้าหมาย17 กรอบแห่งความยั่งยืนของสหประชาขาชาติเป็นกรอบการทำธุรกิจ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการ การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา และอดีตผู้อำนวยการใหญ่ องค์การการค้าโลก (WTO) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เชื่อว่าสหรัฐจะประกาศถอนตัวจากข้อตกลงกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ข้อตกลงปารีส) ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศไว้ โดยเชื่อว่าจะเป็นเพียงเงื่อนไขเจรจาต่อรอง เพื่อให้เกิดการลงทุนด้านถ่านหินและการผลิตน้ำมันและก๊าซในชั้นหินดินดานในประเทศ ซึ่งผลกระทบที่ตามมาจะทำให้ราคาน้ำมันดิบอยู่ในเกณฑ์ต่ำต่อไปที่ 45-55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และกระทบต่อการพัฒนาพลังงานทดแทน และสิ่งสำคัญ คือ กระทบต่อโลก เพราะสหรัฐและจีนเป็นผู้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกือบครึ่งหนึ่งของโลก และจะกระทบต่อกองทุนสภาวะโลกร้อน (Climate change Fund) ที่สหประชาชาติจัดตั้ง ที่ประเทศที่พัฒนาแล้วจะร่วมบริจาคร่วมกัน 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี เพื่อช่วยประเทศด้อยพัฒนากว่าการพัฒนากลไกลด CO2 และผลกระทบจะตามมาอย่างหนัก โดยการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศโลก ที่จะเห็นได้ว่าขณะนี้แปรปรวนอย่างหนักโดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
“ในส่วนของไทยควรเดินหน้าตามข้อตกลงปารีสต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาพลังงานทดแทน และการทำตามกรอบ UNSDG จะช่วยสร้างความยั่งยืนอย่างแท้จริง เช่น การแก้ปัญหาความยากจน การป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อม เป็นต้น” นายศุภชัย กล่าว
นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากฯ เชื่อเช่นว่าสหรัฐจะยังไม่ถอนตัวจากข้อตกลงปารีส แต่จากการประกาศเช่นนี้จะมีผลต่อราคาน้ำมัน โดยบางจากฯ ยังคาดว่าราคานน้ำมันดิบจะอยู่ในเกณฑ์ 50-55 ดอลลาร์สหรัฐ
นายยอดพจน์ กล่าวว่า บทบาทของภาคธุรกิจมีส่วนสำคัญยิ่งที่จะช่วยผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้ง 17 เป้าหมายของสหประชาชาติที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกร่วมกันขับเคลื่อน (UN Sustainable Development Goals : UNSDG) ซึ่งภาคธุรกิจของประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุนเป็นหุ้นส่วน เพื่อการพัฒนาให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวในประชาคมโลก
ทั้งนี้ บริษัท บางจากฯ ได้กำหนดแผนงานตามเป้าหมายของ UNSDG มาขับเคลื่อน โดยให้ความสำคัญกับเป้าหมายที่ 13 Climate Change เนื่องจากเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านพลังงาน โดยจะลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการผลิตน้ำมัน ขณะเดียวกันจะขยายธุรกิจด้านพลังงานสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ในประเทศ 182 เมกะวัตต์ และขยายไปลงทุนที่ประเทศญี่ปุ่น 142 เมกะวัตต์ บริหารโดยบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท บางจากฯ นอกจากนี้ ได้ลงทุนธุรกิจพลังงานจากลมที่ประเทศฟิลิปปินส์ และลงทุนในธุรกิจชีวภาพ ชีวมวล เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรและดูแลสิ่งแวดล้อม
ดังนั้น บริษัท บางจากฯ จึงร่วมสนับสนุน Enterprise Asia จัดงาน International CSR Summit 2017 ในประเทศไทย โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากภาคธุรกิจขนาดใหญ่ในเอเชีย รวม 14 ประเทศ ประกอบด้วย บังกลาเทศ จีน อินเดีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง ไทย ศรีลังกา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเก๊า ญี่ปุ่น และเวียดนาม มาร่วมแลกเปลี่ยนทัศนะในการนำเป้าหมายความยั่งยืนไปปรับใช้ในกระบวนการทางธุรกิจที่รับผิดชอบ พร้อมด้วยประเทศออสเตรเลีย บรูไนมาเป็นผู้เข้าร่วมสัมมนา.-สำนักข่าวไทย