กรุงเทพฯ 7 เม.ย. – “สกลธี” นำทีมพลังใหม่ พปชร.กทม.โซนใต้ พบประชาชน การันตีทุกคนพร้อมพัฒนา กทม. ตั้งกองทุนพัฒนาประเทศ ย้ำ “พล.อ.ประวิตร” เหมาะนั่งนายกฯ มีภาวะผู้นำที่ดี
พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเวทีปราศรัยย่อยโซนกรุงเทพฯ ใต้ “พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ นำโดยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค และนายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีม กทม. ของพรรค พปชร. พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.พปชร.กทม. ได้แก่ นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ เขตพระโขนง บางนา เบอร์ 5, นายภูวกร ปรางภรพิทักษ์ เขตคลองเตย วัฒนา เบอร์ 8, น.ส.แพรว กิจสุวรรณ เขตประเวศ สะพานสูง เบอร์ 2, น.ส.ชญาภา ปรีดาพากย์ เขตบางคอแหลม ยานนาวา เบอร์ 15 และนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เขตสวนหลวง ประเวศ เบอร์ 1 โดยมีประชาชนเข้าร่วมฟัง 500 คน
นายสกลธี กล่าวว่า การเปิดเวทีวันนี้อยู่ในเขตวัฒนา คลองเตย เป็นไข่แดงของกรุงเทพฯ ที่มีเส้นทางคมนาคมขนส่งที่สะดวก ด้วยระบบขนส่งรถไฟฟ้า หากทุกเขตในกรุงเทพฯ ของ 50 เขต มีระบบแบบนี้จะสะดวกต่อพี่น้องประชาชน ด้วยที่ผ่านมีข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณของ กทม. ที่ต้องแก้ไขปัญหาในหลายด้าน ล้วนใช้งบประมาณทั้งสิ้น โดยงบประมาณของ กทม. ปีละประมาณ 70,000 ล้านบาท แต่เป็นเงินเดือนไปแล้ว 50% และยังมีหนี้ผูกพันอีกในโครงการต่างๆ ทำให้เงินเหลือเพื่อการพัฒนาเพียงแค่ 20,000 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอที่จะดูแลประชาชนที่มีมากกว่า 10 ล้านคน ทั้งประชากรที่อยู่ในกรุงเทพฯ และประชากรแฝง ดังนั้น พล.อ.ประวิตร มองเห็นถึงปัญหาเหล่านี้ ได้สั่งให้ทีมเศรษฐกิจไปศึกษาเสนอให้มีการตั้งกองทุนประชารัฐ 300,000 ล้านบาท เป็นกองทุนระดับประเทศในสมัยหน้า ถ้า พปชร. ได้เป็นรัฐบาลจะมีกองทุนนี้ภายใน 4 ปี ทำให้กรุงเทพฯ มีงบประมาณในการพัฒนาได้สูงถึง 1 แสนล้านบาท ทำให้คน กทม. ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ในการพัฒนาเมืองกรุงเทพฯ ที่มีหลายเขตที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชน ชุมชนต่างๆ ไม่เพียงโปรโมทสุขุมวิท เยาวราช ข้าวสาร ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ละเขตสามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดเม็ดเงินได้ ทั้งย่านฝั่งธนฯ ย่านบางนา และทำให้ทุกเขตสร้างเสน่ห์ของตัวเองขึ้นมาที่จะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
นายสกลธี กล่าวอีกว่า หลายคนถามว่า พล.อ.ประวิตร ยังไหวหรือไม่ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ตนขอประกาศเลยว่า พล.อ.ประวิตร ยังไหวแน่นอน เพราะ พล.อ.ประวิตร มีภาวะผู้นำที่ดี สามารถเลือกคนให้เหมาะกับงาน ดังนั้น คนที่บริหารประเทศเป็นเขาไม่ต้องลงไปกวาดขยะด้วยตัวเอง แต่สามารถเลือกคนที่่ให้ไปทำหน้าที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ได้
“พรรคพลังประชารัฐมีกองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ที่จะพัฒนากรุงเทพฯ ขอเพียงแค่ประชาชนให้โอกาสผู้สมัครของเราเข้าไปลงมือทำ ซึ่งพรรคเรามี พล.อ.ประวิตร เป็นผู้จัดการตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังการทำงาน จนทำให้รัฐบาลอยู่มาได้ถึง 4 ปี ผลงานที่ทุกคนรู้กันดีก็คือ แก้หนี้นอกระบบ และแก้ปัญหาน้ำ” นายสกลธี กล่าว
ทั้งนี้ ผู้ 5 ผู้สมัคร กทม.พปชร. ขึ้นเวทีปราศรัย โดยเริ่มจากนายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ ผู้สมัครเขตพระโขนง บางนา เบอร์ 5 กล่าวว่า ตนอยู่ที่พระโขนงมา 50 กว่าปี ทำงานภาคสนามและลงพื้นที่มาโดยตลอด มีความตั้งใจประสานและผลักดันแผนพัฒนาเขตพระโขนง โดยเฉพาะด้านความปลอดภัย ด้านสิ่งแวดล้อม เพิ่มพื้นที่สีเขียว พื้นที่สวนสาธารณะ ด้านการป้องกันน้ำท่วม เรื่องเหล่านี้ต้องมีการเชื่อมโยงการมีส่วนร่วมของประชาชนและการพัฒนาการศึกษา ตนมีประสบการณ์การทำงาน ไม่ใช่เพียงแค่ดูแลอย่างเดียว แต่ต้องมีกฎหมายให้สามารถดูแลชุมชนได้ เพราะเราจะมีกฎหมายดีๆ ที่ดูแลประชาชนอยู่แล้วหลายฉบับ เพื่อคนไทยทั้งประเทศ ครั้งนี้ตนขอโอกาสจากคนไทย 14 พ.ค. เข้าคูหาอย่าลังเลใจ กาเบอร์ 37
ด้านนายภูวกร ปรางภรพิทักษ์ ผู้สมัครเขตคลองเตย วัฒนา เบอร์ 8 กล่าวว่า ตนเป็นคนพื้นที่โดยกำเนิด ช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา เราผ่านความทรงจำทั้งดีและร้ายมาด้วยกัน ซึ่งวันนี้ตนมีความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะแก้ปัญหา จึงได้ข้อสรุปว่าการจะแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ต้องเข้ามาเป็น ส.ส. ท่ามกลางปัญหารุมล้อมในเขตคลองเตย เพราะเห็นโอกาส ด้วยพื้นที่มีจุดเด่นมากมาย และตนพร้อมที่จะเข้าไปทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านเกิดของตนพัฒนาขึ้นในทุกๆ ด้าน
ด้าน น.ส.แพรว กิจสุวรรณ ผู้สมัครเขตประเวศ สะพานสูง เบอร์ 2 กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐให้การดูแลพี่น้องประชาชนคนไทยมาตลอด และเราก็จะดูแลต่อไป นโยบายของพรรคในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชารัฐที่จะมีการเพิ่มเงินเป็น 700 บาทต่อเดือน รวมไปถึงมีเงินประกันชีวิตให้รายละ 200,000 บาท การดูแลผู้สูงอายุ รวมไปถึงการดูแลสตรีที่ตั้งครรภ์ เราจะดูแลตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ไปจนถึงบุตรอายุ 6 ปี เราทำได้จริง ทำแน่นอน และพร้อมทำทันทีที่เป็นรัฐบาล เพราะฉะนั้นอย่าลังเลใจที่จะเลือกพรรคพลังประชารัฐ เพราะเราใส่ใจพี่น้องประชาชนทุกช่วงอายุ
ด้าน น.ส.ชญาภา ปรีดาพากย์ เขตบางคอแหลม ยานนาวา เบอร์ 15 กล่าวว่า ตนทำงานจากจิตอาสา และก้าวเข้าสู่การเมืองมากว่า 10 ปี ขออาสาเข้ามาแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ตนขอให้ทุกคนเปิดใจให้กับผู้หญิงตัวเล็กแต่ใจใหญ่ ได้เข้ามาผลักดันนโยบายของพรรคพลังประชารัฐให้เกิดขึ้นจริง
นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ผู้สมัครเขตสวนหลวง ประเวศ เบอร์ 1 ขึ้นปราศรัยว่า ตนอยากจะเข้ามาเป็น ส.ส. เพราะอยากนำความทุกข์ของประชาชนเข้าไปแก้ไขในสภาฯ และจะผลักดันนโยบานทั้ง 5 ข้อ คือ เรื่องรายได้ ที่สามารถเปลี่ยนจากขยะมาเป็นเงิน โดยเราจะมีแอปพลิเคชันสวนหลวง นัมเบอร์วัน เข้ามาช่วยในการดำเนินการ เช่น ขยะอัจฉริยะ หรือการชักชวนประชาชนมาจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ เราจะทำให้เกิดสินค้าโอทอปในชุมชน รวมถึงการกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ เพื่อสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่ เพราะเขตสวนหลวงถือว่ามีภูมิทัศน์ที่มีจุดเด่นอย่างมาก ตนจะเข้าไปปรับเปลี่ยนเพื่อให้ชาวสวนหลวงกลับมามีปอดที่ใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดยโครงการที่ตนพูดมาทั้งหมด พรรคพลังประชารัฐเราสามารถดำเนินการได้ทันที เพราะเรามีกองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ที่จะพัฒนากรุงเทพฯ ซึ่งมั่นใจว่าจะทำกรุงเทพฯ ให้ดีกว่านี้ได้แน่นอน.-สำนักข่าวไทย