กรุงเทพฯ 30 พ.ค. –ประชาชนสนใจสอบถามร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้คึกคัก ด้านบสส.แนะให้ผู้สนใจตรวจสอบคุณสมบัติในเบื้องต้นก่อน
นายนิยต มาศะวิสุทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (บสส.) หรือ SAM เปิดเผยว่า หลังจาก ธปท.และธนาคารพาณิชย์ 16 แห่ง และ บสส. เปิดให้ประชาชนสอบถามเพื่อเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา และเปิดอย่างเป็นทางการวันที่ 1 มิถุนายน ปรากฏว่ามีผู้สนใจสอบถามเข้าร่วมโครงการจำนวนมากเฉลี่ยวันละ 1,000 คน มียอดรวมประมาณ 17,000 คน แต่เมื่อตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่สนใจพบว่ามีผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนประมาณร้อยละ 20 เท่านั้น ดังนั้น คาดว่าในช่วง 6 เดือนแรกของโครงการจะมีผู้ที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 3,000 คน
“จากการตรวจคุณสมบัติพบว่า ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ อาจจะติดปัญหาความสามารถการชำระหนี้ที่ยังไม่ชัดเจน หรือมีรายได้ไม่เพียงพอ หรือไม่ใช่ผู้มีรายได้ประจำ เช่น อาจมีรายได้เหลือประมาณ 2,000 บาทต่อเดือน แต่มีมูลหนี้ 2 ล้านบาท ดังนั้นระยะเวลา 10 ปีที่เข้าร่วมโครงการ ก็ไม่สามารถชำระได้หมด หรือบางคนเป็นหนี้บัตรเครดิตกับนอนแบงก์ ที่ยังไม่เข้าร่วมโครงการ” นายนิยตกล่าว
สำหรับผู้ที่สนใจขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นกรอกใบสมัครที่ www.คลินิกแก้หนี้.com และ www.debtclinicbysam.com หรือสอบถามคอลเซ็นเตอร์คลินิกแก้หนี้ 02-6102266 วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 8.30-17.00 น. และขอให้เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน หากเจ้าหน้าที่ตรวจคุณสมบัติและผ่านจะมีการติดต่อกลับไปภายใน 2 วัน เพื่อประชาชนไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง และหากมีการอนุมัติเข้าร่วมโครงการจะสามารถทำสัญญาภายใน 1 เดือน
สำหรับวันที่ 1 มิถุนายน ที่จะเปิดโครงการ ทาง บสส.ได้เตรียมความพร้อม โดยตั้งฝ่ายคลินิกแก้หนี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่สนใจ ซึ่งสามารถติดต่อได้ทั้งในกทม.และสาขาทั้ง 4 คือ ขอนแก่น เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานีและพิษณุโลก
สำหรับคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมโครงการ ต้องเป็นบุคคลธรรมดา มีเงินเดือนประจำ อายุไม่เกิน 65 ปี มีหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันค้างเกิน 3 เดือน กับธนาคารตั้งแต่ 2 แห่งขึ้นไป ก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 ไม่ถูกฟ้องดำเนินคดี ยอดหนี้เงินต้นค้างชำระไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขเมื่อเข้าร่วมโครงการ ห้ามก่อหนี้เพิ่มในระยะเวลา 5 ปี และพร้อมเรียนรู้การสร้างวินัยทางการเงินที่ดี.– สำนักข่าวไทย