พรรคก้าวไกล 8 มี.ค.-ก้าวไกลเปิดนโยบายความเท่าเทียมทางเพศ เนื่องในวันสตรีสากล ชูคำนำหน้านามตามความสมัครใจ – ผ้าอนามัยไม่เก็บ VAT แจกฟรีในโรงเรียน – สมรสเท่าเทียม – ยุติตั้งครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ รับยาฟรี ทุก รพ.สต. ด้าน ‘พรรณิการ์’ ชี้ภารกิจสร้างคนเท่ากันของอนาคตใหม่ยังไม่จบ หวัง ‘ก้าวไกล’ สานต่อสำเร็จ
พรรคก้าวไกล ร่วมกับศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) จัดกิจกรรม “กาก้าวไกล เพศไหนก็คนเท่ากัน” เนื่องในวันสตรีสากล 8 มีนาคมของทุกปี โดยปีนี้ เครือข่าย International Women’s Day ได้กำหนดรูปแบบการจัดงานที่มีชื่อว่า ‘การโอบรับอย่างเท่าเทียม’ (Embrace Equity) โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเปิดตัวนโยบายเพื่อความเท่าเทียมทางเพศ ยืนยันพร้อมสานต่อภารกิจของพรรคอนาคตใหม่ ในการสร้างประเทศไทยที่ ‘คนไทยเท่าเทียมกัน ประเทศไทยเท่าทันโลก’ โดย 10 นโยบายเพื่อความเท่าเทียมทางเพศของพรรคก้าวไกล ซึ่งเรียงตามช่วงอายุของคนคนหนึ่งตั้งแต่เกิดจนแก่ ประกอบด้วย 1. ผ้าอนามัยไม่เก็บ VAT แจกฟรีในโรงเรียน ยกเลิกการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในสินค้าหมวดหมู่ผ้าอนามัยและของใช้สิ้นเปลืองสำหรับวัยเจริญพันธุ์ และแจกผ้าอนามัยฟรีในสถานศึกษาและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนผ้าอนามัยและความจนประจำเดือน (Period Poverty) โดยเฉพาะสำหรับผู้มีประจำเดือนในวัย 10-25 ปี
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า 2. ปฏิรูปการสอนเพศศึกษา ส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ ด้วยการออกแบบหลักสูตรใหม่ให้การสอนเรื่องเพศศึกษา (Sex education) ให้ความสำคัญกับค่านิยมต่าง ๆ เช่น ความเข้าใจเรื่องความยินยอม (consent) ความหลากหลายทางเพศ และสอนเรื่องทางกายภาพอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้เยาวชนเข้าใจความสำคัญของการป้องกันการตั้งครรภ์โดยไม่ประสงค์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 3. ตำรวจหญิงทุกสถานี ด้วยการเพิ่มจำนวนพนักงานสอบสวนหญิงประจำทุกสถานีตำรวจ เช่น เพิ่มจำนวนรับให้สูงขึ้น เปิดรับจากบุคคลภายนอกมากขึ้น พิจารณากลับมาเปิดรับนักเรียนนายร้อยหญิง เนื่องจากสถิติของกระทรวงยุติธรรม พบว่าไม่ต่ำกว่า 75% ของผู้หญิงไทยที่เคยถูกคุกคามทางเพศ เลือกที่จะไม่แจ้งความ เหตุผลส่วนหนึ่งคือความไม่สบายใจ เพราะผู้เสียหายสะดวกใจกับพนักงานสอบสวนที่เป็นผู้หญิงมากกว่า นอกจากนี้ ต้องออกแบบกระบวนการอบรมและประเมินตำรวจทุกคนไม่ว่าเพศใด ที่รับผิดชอบคดีคุกคามทางเพศ ให้สามารถดำเนินการด้วยวิธีการและบรรยากาศที่เข้าใจถึงความละเอียดอ่อนของคดี และสนับสนุนให้เหยื่อรู้สึกปลอดภัยในการให้ข้อมูลในกระบวนการยุติธรรมด้วย
นายพิธา กล่าวว่า 4. ปรับปรุงกฎหมายต่อต้านความรุนแรงทางเพศ ด้วยการแก้ประมวลกฎหมายอาญา และกฎ ก.พ. เพื่อกำหนดนิยามใหม่ของการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ การกระทำอนาจาร และการกระทำชำเราเสียใหม่ เพื่ออุดช่องว่างของกฎหมายให้ครอบคลุมปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมมากขึ้น 5. สมรสเท่าเทียม คู่รักทุกเพศแต่งงานกันได้ แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ว่าด้วยครอบครัว โดยเปลี่ยนคำในตัวบทกฎหมาย จากคำนามที่ระบุเพศ เช่น ชาย-หญิง สามี-ภรรยา เป็นคำนามไม่ระบุเพศ อาทิ บุคคล คู่สมรส เพื่อให้คนทุกเพศสามารถหมั้นและสมรสกันได้ และมีสิทธิในฐานะคู่หมั้นหรือคู่สมรสโดยเสมอหน้ากันทุกประการ
“6. รับรองทุกเพศสภาพ คำนำหน้าตามสมัครใจ ปรับโครงสร้างรัฐและกฎหมายให้รับรองทุกเพศสภาพ เพื่อเป็นรากฐานในการออกแบบนโยบายในทุกมิติ คุ้มครองสิทธิการรับรองทางกฎหมาย ผ่านการกำหนดมาตรการรับรองสถานะความเป็นบุคคลให้ตรงกับเจตจำนงในเพศสภาพของบุคคลนั้น โดยไม่ต้องผ่านการรับรองหรือกระบวนการทางการแพทย์ และคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการใช้คำนำหน้านามตามความสมัครใจ ซึ่งรวมถึงสิทธิในการเปลี่ยนคำนำหน้านามให้ตรงกับเพศสภาพ สิทธิในการเลือกคำนำหน้านามที่เป็นกลางทางเพศ (เช่น “นาม”) สิทธิในการเลือกไม่ใส่คำนำหน้านาม (ระบุเพียงชื่อและนามสกุล) ตลอดจนออกกฎหมายที่ขจัดการเลือกปฏิบัติในสังคม เพื่อให้ทุก ๆ เพศมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว
นายพิธา กล่าวว่า 7. ยุติการตั้งครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ รับยาฟรี ทุก รพ.สต. คุ้มครองสิทธิในการยุติการตั้งครรภ์ สำหรับบุคคลที่มีอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ ให้สามารถรับยายุติการตั้งครรภ์ได้ที่ รพ.สต. ทุกแห่งทั่วประเทศ มีการให้คำปรึกษาหลังจากการยุติการตั้งครรภ์ฟรี เพื่อตรวจสอบและฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้หญิงที่เข้ารับการยุติการตั้งครรภ์ 8. สิทธิลาคลอด 180 วัน พ่อแม่แบ่งกันได้ ขยายสิทธิลาคลอดจากปัจจุบัน (98 วัน) เพิ่มเป็น 180 วัน ซึ่งสอดคล้องกับหลักสากลขององค์การอนามัยโลกและกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ที่กำหนดให้บุตรควรได้รับนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกหลังคลอด โดยพ่อแม่สามารถแบ่งวันลาได้ตามความสะดวก หรือใช้ร่วมกัน เช่น แม่ลา 5 เดือน พ่อใช้อีก 1 เดือน เพื่อช่วยแบ่งเบาการทำหน้าที่และร่วมกันดูแลลูกในช่วง 1 เดือนแรก 9. ศูนย์เลี้ยงเด็กใกล้บ้าน ห้องปั๊มนมในที่ทำงาน เพิ่มงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นำไปบริหารจัดการเกี่ยวกับการดูแลเด็กเล็กในรูปแบบที่เหมาะสมกับพื้นที่ของตน เช่น การเพิ่มมาตรฐานศูนย์ให้เหมาะกับเด็กเล็ก การเพิ่มสัดส่วนผู้เลี้ยงดูเด็กต่อจำนวนเด็กเล็ก การอุดหนุนสถานเลี้ยงดูเด็กของเอกชน รวมถึงใช้กลไกของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร และ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน กำหนดให้อาคารสำนักงานและสถานประกอบการขนาดใหญ่จำเป็นต้องจัดให้มีสถานที่เลี้ยงดูเด็กเล็กและสิ่งที่เกี่ยวข้อง (เช่น ห้องปั๊มนม) ภายในหรือใกล้อาคารสำนักงานหรือสถานประกอบการ เพื่อความสะดวกต่อการดูแลบุตรของพ่อแม่
“10. ตรวจมะเร็งฟรี ไม่ต้องรอหมอสั่งใน Package ตรวจสุขภาพประจำปีฟรี ของพรรคก้าวไกล ตรวจคัดกรองฟรี 5 มะเร็งที่พบบ่อยในหญิงไทย ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับ มะเร็งปอด และมะเร็งปากมดลูก สำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยง โดยให้บรรจุในแพ็กเกจตรวจสุขภาพ รวดเร็วขึ้นเพราะไม่ต้องรอหมอสั่ง ปัจจุบันผู้หญิงสามารถตรวจมะเร็งปากมดลูกได้เท่านั้นที่ไม่ต้องรอหมอสั่ง แต่คนใช้สิทธิยังน้อย ซึ่งพรรคก้าวไกลจะเพิ่มสิทธิตรวจสุขภาพประจำปีของประชาชนให้ครอบคลุมขึ้น และมีแรงจูงใจเป็นค่าเดินทาง ติดตามรายละเอียดได้ในการเปิดนโยบายสุขภาพเร็วๆ นี้” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว
น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ปาฐกถาพิเศษ ‘จากอนาคตใหม่สู่ก้าวไกล กับการสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อความเท่าเทียมทางเพศ’ ความตอนหนึ่งว่า ภารกิจหลักเมื่อครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่ มีเป้าหมายเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ ‘คนไทยเท่าเทียมกัน ประเทศไทยเท่าทันโลก’ แต่ความฝันที่เรียบง่ายนี้ของพรรคอนาคตใหม่ กลับยังไม่เกิดขึ้นจริง ตลอดระยะเวลา 4 ปี เราผ่านวันแรกในสภาฯ ที่ความพยายามผลักดันให้ผู้หญิงเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนแรก แต่กลับถูกหัวเราะเยาะ บอกทุกอย่างเป็นไปตามโควตาของพรรคการเมือง
“เราผ่านวันที่ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ผู้แทนราษฎร ถูกเรียกว่า ‘นายธัญญ์วาริน’ และถูกผู้แทนราษฎรคนอื่นโห่ใส่ เพียงเพราะทาลิปสติกสีแดงและใส่กระโปรง เราผ่านวันที่ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ไม่สามารถผ่านวาระสภาฯ ทันสมัยประชุม แม้จะเป็นวาระหลักที่ประชาชนทั้งประเทศเรียกร้องก็ตาม ทั้งหมดนี้ตอกย้ำว่า ภารกิจของอนาคตใหม่ยังไม่แล้วเสร็จ และเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลต้องทำต่อให้สำเร็จ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในการเลือกตั้งที่จะมาถึง เราเฝ้ารอวันที่ผู้แทนราษฎร ไม่ว่าเพศใด ความเชื่อแบบใด ปฏิบัติต่อทุกคนเท่ากันและได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน วันที่ไม่ได้มีแค่ผู้หญิงที่จะพูดเรื่องสิทธิของผู้หญิงหรือสิทธิความหลากหลายทางเพศ แต่ผู้แทนราษฎรต้องมีความตระหนักและพูดเรื่องนี้ได้ทุกคน ในฐานะสิทธิพื้นฐานของประเทศนี้ ไม่ใช่แค่ของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย