พบต้นไม้ใหญ่ใน กทม. เสี่ยงโค่น 785 ต้น

กทม.22 พ.ค.-‘วัลลภ สุวรรณดี’ เผย กทม.เผยมีต้นไม้ใหญ่เสี่ยงโค่น 785 ต้น เร่งดำเนินการค้ำยัน หวั่นล้มอีกช่วงฤดูฝนที่จะตกหนักอีกระลอก


นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงความคืบหน้า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.สั่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจความแข็งแรงต้นไม้ใหญ่ในเมืองกรุงว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจากสำนักสิ่งแวดล้อม พบทั้ง 50 เขต มีต้นไม้ใหญ่ที่ต้องค้ำยัน 785 ต้น ไม่นับรวมพื้นที่เอกชน และต้องล้อมเพื่อขุดออกกว่าอีก 965 ต้น 


ขณะเดียวกันมีต้นไม้ที่ต้องตัดท่อนความสูงออกอีก 1,075 ต้น รวมแล้วในพื้นที่ กทม.มีต้นไม้ที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไข 1,925 ต้น ตลอดจนในพื้นที่สวนสาธารณะของ กทม.พบมีต้นไม้ที่ต้องค้ำยัน 1,026 ต้น และอีก 164 ต้น ที่ต้องตกแต่งให้เหมาะสม ซึ่งจะเร่งดำเนินการแก้ไขร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านต้นไม้ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

ด้านนางสุวรรณา จุ่งรุ่งเรือง ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีการค้ำยันต้นไม้ใหญ่ ต้องเสียค่าใช่จ่ายประมาณต้นละ 5,000-20,000 บาท และหากต้องล้อมเพื่อขุดออกเสียค่าใช้จ่ายประมาณต้นละ 1,000 บาท หลังจากนี้ได้กำชับให้แต่ะละเขตประสานทำความเข้าใจกับอาคารเอกชนให้แก้ไขปัญหาต้นไม้ใหญ่ที่เสี่ยงล้มโดยเร็ว ซึ่งในวันศุกร์นี้เตรียมประชุมรวมกับการไฟฟ้านครหลวง หารือถึงแนวทางดูแลตกแต่งต้นไม้ใหญ่แบบบูรณาการ แก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

นายวัลลภ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ฝนตกในช่วงที่ผ่านตั้งแต่เดือน ม.ค.จนถึงปัจจุบัน มีปริมาณน้ำมากกว่าปีก่อนร้อยละ 8 เฉพาะเดือนพ.ค.มีปริมาณน้ำฝนมากกว่าปีก่อนถึงร้อยละ 85 ซึ่งจากการดำเนินงานเชิงรุกเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยเบสท์เคลื่อนที่เร็ว ที่สำคัญการเพิ่มเครื่องสูบน้ำบริเวณจุดอ่อน จากเดิมทั่วกรุงมีกำลังสูบอยู่ที่เครื่องจักร 350ลบ.ม./วินาที แต่ปัจจุบันทั่วกรุงมีกำลังสูบอยู่ที่ 480 ลบ.ม./วินาที  สามารถเร่งระบายปริมาณน้ำฝนได้เร็วขึ้น จนเหลือจุดอ่อนน้ำท่วมขัง 13 จุด ลดลงจากปีก่อน 1 จุด 


นายวัลลภ กล่าวอีกว่า กทม.ได้ประสานหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น แนวก่อสร้างรถไฟฟ้า เสริมผิวจราจรชั่วคราว และปริมณฑลพื้นที่รอยต่อ กทม.เพื่อดำเนินงานแบบบูรณาการ รับมือปริมาณน้ำฝนที่คาดว่าจะตกหนักอีกระลอก ทั้งนี้ กทม.เดินหน้าแก้ไขจุดอ่อนน้ำท่วมระยะยาวภายใต้งบที่รัฐจัดสรรให้วงเงิน 2,200ล้านบาท โดยภายในปีนี้จะดำเนินการวางท่อใต้ดิน 11 จุด และปีหน้าอีก 4 จุด ด้วยระบบดันท่อไม่เปิดพื้นผิวจราจร ไม่กระทบต่อประชาชนที่สัญจรไป-มา 

นอกจากนี้ ขอความร่วมมือประชาชนงดทิ้งขยะลงแม่น้ำลำคลอง ที่เป็นอุปสรรคขวางทางน้ำไหล ซึ่งตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน มีขยะไหลมาติดตรงอุโมงค์ยักษ์ทั่วกรุงแล้ว 10 ตัน หากเทียบกับปีก่อนที่ตลอดทั้งปีมีขยะที่เก็บจากคลองได้ทั้งหมด 20 ตัน .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง