พรรคประชาธิปัตย์ 21 พ.ค. -นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อศึกษาแผนงานปฏิรูปกิจการตำรวจในคณะกรรมการประสานงาน ระหว่างสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เสนอรูปแบบการปฏิรูปตำรวจให้โอนย้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปสังกัดกระทรวงยุติธรรมว่า การโอนย้ายตำรวจไปสังกัดหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง หรือกระทรวงใดก็ตาม คงไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่จะก่อให้เกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขปัญหาการทำงานของตำรวจที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยทั่วไปได้ เพราะต้องยอมรับความจริงว่าตำรวจมีปัญหามากมายหลายประการอันส่งผลกระทบต่อการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน ตำรวจถือเป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรม ถ้าเรื่องราวต่างๆ หรือคดีความ เริ่มจากตำรวจด้วยความเป็นธรรม โอกาสที่ประชาชนจะได้รับความยุติธรรมก็มีสูง แต่ถ้าเริ่มจากตำรวจด้วยความไม่เป็นธรรมโอกาสที่ประชาชนจะได้รับผลจากความไม่เป็นธรรมก็มีมากตามไปด้วย พร้อมเห็นว่าการโอนย้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปสังกัดกระทรวงยุติธรรมยังไม่น่าตอบโจทย์ทั้งหมด เพราะโครงสร้างการทำงานของตำรวจยังเหมือนเดิม การปฏิรูปตำรวจให้ได้ผลอย่างจริงจังจึงควรคำนึงถึงการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจทั้งหมดที่จะทำให้การบริหารงานการทำงานของตำรวจเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ที่สำคัญที่สุดการปฏิรูปตำรวจควรเอาประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นตัวตั้ง และถึงแม้เวลาที่เหลืออยู่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะไม่มากพอที่จะทำเรื่องปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ แต่ก็อยากให้ คสช. กำชับการทำงานของตำรวจให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนด้วย
.”น่าเสียดายว่าเรื่องการปฏิรูปตำรวจควรเป็นเรื่องแรกๆ ที่ คสช. ควรทำตั้งแต่ปีแรกของการเข้ามามีอำนาจ แต่ขณะนี้ระยะเวลาผ่านมา 3 ปี ก็ยังไม่มีการปฏิรูปตำรวจเกิดขึ้นอย่างจริงจัง ถ้า คสช. เริ่มปฏิรูปตำรวจตั้งแต่แรกน่าจะเกิดประโยชน์มากกว่านี้ เพราะ คสช. มีอำนาจเบ็ดเสร็จสมบูรณ์มีงบประมาณอยู่ในมือ มีกำลังคนที่จะทุ่มเททำให้เกิดผลได้ไม่ยาก เมื่อ คสช. ไม่ทำเรื่องปฏิรูปตำรวจให้เป็นชิ้นเป็นอัน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าผิดหวังของ คสช.”นายองอาจ กล่าว.-สำนักข่าวไทย