กทม.ผนึกกำลังเครือข่ายร่วมกันดูแลต้นไม้ในเมือง

กทม.20 พ.ค.-กทม.ร่วมกับภาครัฐ-เอกชน-มหาวิทยาลัย ดูแลต้นไม้ใหญ่ในเมืองกรุง เพื่อความปลอดภัย-สวยงาม พร้อมนัดหารือ  กฟน. 26พ.ค.นี้ ตัดต้นไม้ตามแนวสายไฟฟ้าอย่างถูกวิธี  


พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงการดูแลต้นไม้ใหญ่ในเขตกรุงเทพมหานคร ว่า ได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อให้การบริหารจัดการต้นไม้ใหญ่เป็นไปอย่างถูกต้อง ปลอดภัยและสวยงามโดยเชิญผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกรมป่าไม้ มาให้การอบรมเรื่องการดูแลตัดแต่งต้นไม้แก่เจ้าหน้าที่การเกษตรที่อยู่ประจำทั้ง 50 สำนักงานเขต  


นอกจากนั้นสำนักงานเขตต่างๆ เช่น เขตจตุจักร เขตราชเทวี และเขตบางซื่อ ยังทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลต้นไม้จากกลุ่ม  Big tree  และเครือข่ายต้นไม้ในเมือง เกี่ยวกับการตัดแต่งต้นไม้อย่างถูกวิธีมีความปลอดภัย สวยงามและเหมาะสมกับเมือง เพื่อให้เป็นที่พึงพอใจแก่ประชาชน ตลอดจนสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันของทุกฝ่าย  


นอกจากนี้ยังมีกำหนดการประชุมร่วมกับการไฟฟ้านครหลวงในวันที่ 26 พ.ค.นี้ เพื่อหารือเรื่องแนวทางในการตัดต้นไม้ตามแนวสายไฟฟ้าอย่างถูกวิธี เพื่อปลอดภัยประชาชนโดยยังคงความร่มรื่นสวยงาม ไม่โกร๋น อีกด้วย 

ทั้งนี้ จากที่สั่งการให้สำนักสิ่งแวดล้อมและสำนักงานเขตเร่งสำรวจความแข็งแรงสมบูณ์ของต้นไม้ใหญ่เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับช่วงฤดูฝนนั้น เบื้องต้นได้รับรายงานว่ามีต้นไม้กลุ่มเสี่ยง  ซึ่งปลูกไว้ในที่สาธารณะและต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ จำนวน 1,557ต้นซึ่งสำนักงานสวนสาธารณะและสำนักงานเขต จะดำเนินการตามหลักวิชารุกขกรรมโดยทันทีเพื่อให้มีความมั่นคงแข็งแรง หากพบว่าต้นไม้ต้นใดปลูกอยู่ในพื้นที่ไม่เหมาะสม จะดำเนินการขุดล้อมเพื่อย้ายไปปลูกในที่ที่เหมาะสมแทน 

ส่วนกรณีต้นไม้ที่ปลูกอยู่ในพื้นที่เอกชนและบ้านเรือนประชาชนนั้น  ได้ประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของพื้นที่ตรวจสอบสภาพต้นไม้  และดูแลแก้ไขให้มีความมั่นคงแข็งแรง  เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากการหักโค่น  โดยสำนักงานเขตทุกเขตยินดีให้บริการตัดแต่งและเก็บขนกิ่งไม้ไปทิ้ง   โดยคิดอัตราค่าบริการตามที่ระเบียบกำหนด พร้อมขอความร่วมมือให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นต้นไม้ที่มีความเสี่ยงต่อการโค่นล้ม หรือกิ่ง ยอดอาจแตกหัก สามารถแจ้งกรุงเทพมหานคร ผ่านสายด่วน โทร.1555 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

DSI รับคดีอาคาร สตง.ถล่ม เป็นคดีพิเศษ

กรุงเทพฯ 2 เม.ย. – ดีเอสไอรับคดีอาคาร สตง.ที่กำลังก่อสร้าง ถล่มหลังเหตุแผ่นดินไหว เป็นคดีพิเศษ จ่อเรียกสอบนอมินีถือหุ้น

พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภคและโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้สัมภาษณ์กรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ความสูง 30 ชั้น มูลค่างานก่อสร้าง 2,136 ล้านบาท ที่กำลังก่อสร้าง ถล่มหลังเหตุแผ่นดินไหว เป็นคดีพิเศษ

พันตำรวจตรี ยุทธนา เปิดเผยว่า ภายหลังจากเมื่อวานนี้ที่มีการประชุมมอบหมายภารกิจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงกรณีอาคาร สตง.ที่กำลังก่อสร้างถล่ม ขณะนี้ได้ข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะรับคดีพิเศษ ในประเด็นเกี่ยวกับความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 เนื่องจากพบข้อเท็จจริงว่ากรรมการของนิติบุคคลของบริษัท china railway number 10 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีการจดทะเบียนเป็นกิจการร่วมค้าฯ กับนิติบุคคลของประเทศไทย ในนามกิจการร่วมค้า itd-crec และเข้าเป็นคู่สัญญาในการก่อสร้างนั้น มีบุคคลสัญชาติไทยถือหุ้น ร้อยละ 51 จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าบุคคลสัญชาติไทยดังกล่าวจำนวน 3 คน มีการเข้าไปเป็นกรรมการและถือหุ้นในบริษัทอื่นๆ ร้อยละ 51 ร่วมกับนิติบุคคลต่างชาติอีกเป็นจำนวนมาก ไม่สอดคล้องกับสถานะทางเศรษฐกิจของแต่ละคน

จึงมีเหตุที่จำเป็นต้องทำการสอบสวนให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นกรณีถือหุ้นหรือทุนแทนนิติบุคคลต่างชาติ ซึ่งจะทำให้นิติบุคคลดังกล่าวมีฐานะเป็นคนต่างด้าวตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ซึ่งมีบทบัญญัติห้ามดำเนินธุรกิจการก่อสร้าง รวมทั้งขยายผลในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ ว่าเข้าข่ายความผิดทำให้เกิดการแข่งขันราคาอย่างไม่เป็นธรรม และมีการนำวัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาใช้ในการดำเนินการหรือไม่ต่อไป ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จะมีการประชุมกำหนดแนวทางและประเด็นการสอบสวนโดยด่วนต่อไป

ค้นบริษัทที่ก่อสร้างอาคาร สตง.ที่ถล่ม
ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง นำกำลังเข้าค้นบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เท็น จำกัด ที่จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่าตั้งบริษัทอยู่ที่พุทธบูชา 44 แยก 11 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร แต่พบแค่ป้ายชื่อ ไม่พบว่าบริษัทดำเนินการ จึงขยายผลจนพบว่าบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เท็น จำกัด มาเช่าอาคารพาณิชย์ ย่านจอมทอง กรุงเทพมหานคร เข้าค้นอีกไม่พบบริษัทดังกล่าว

สอบถามชาวบ้านละแวกใกล้เคียงให้ข้อมูลว่าบริษัทดังกล่าวย้ายสำนักงานมาอยู่ที่ซอยอยู่เจริญ แขวงดินแดง เขตดินแดง จึงเข้าค้น ปรากฏว่าพบว่ามีพนักงานบริษัทอยู่ 10 คน เป็นหญิงไทย 8 คน และ Ms.Xin Yu อายุ 32 ปี สัญชาติจีน และนายอ้ายอยู่ แซ่ปี ตรวจสอบพบว่าบ้านหลังนี้มีทั้งหมด 4 ชั้น เช่าเดือนละ 85,000 บาท โดยทำสัญญาเช่าปีต่อปี เช่ามาแล้ว 3 ปี ใช้ชื่อผู้เช่าเป็นคนไทย

ทั้งนี้ ตำรวจได้ค้นหาพยานหลักฐานอย่างอื่น และย้อนกล้องวงจรปิดไปเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 68 พบว่าพนักงานบริษัทดังกล่าวขนเอกสารและสิ่งของออกไปตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม ซึ่งเป็นช่วงหลังเกิดเหตุอาคาร สตง.แห่งใหม่ถล่ม เพียงแค่ 2 วัน

นายอาคม สุทธิบุญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานเขตดินแดง ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณอาคารที่จัดตั้งบริษัท ไชน่า เรลเวย์ ภายในซอยรัชดาภิเษก 3 แยก 4-3 เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ให้ข้อมูลว่า ลงพื้นที่มาตรวจสอบสถานที่จริง เพราะสำนักงานเขตมีการตรวจสอบเรื่องภาษีที่ดิน และภาษีป้ายอากรบริษัท ตรวจสอบเบื้องต้นพบมีการชำระภาษีมาจริงตลอด 3 ปี แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีการจ่ายปีละเท่าไร และใครเป็นผู้จ่าย เป็นเจ้าของตึก หรือเป็นผู้เช่าในสัญญาเป็นผู้จ่าย

หากมีการตรวจสอบแล้วว่าถ้าจ่ายภาษีอากรที่ดินและป้ายบริษัทไม่ครบ ก็มีอำนาจที่จะดำเนินการจับปรับตามข้อกฎหมาย เนื่องจากขนาดพื้นที่ที่ดิน ตารางวาหลายแสนบาท.-สำนักข่าวไทย

“ชัชชาติ” เผยเตรียมกู้ 5 ร่างที่พบ-ขนย้ายชิ้นส่วนอาคารแล้ว 100 ตัน

ผู้ว่าฯ กทม. เผยเตรียมกู้ 5 ร่าง จาก 14 ร่างที่พบ ขนย้ายชิ้นส่วนอาคารแล้ว 100 ตัน ยันไม่ขีดเส้นตายหยุดช่วยเหลือ ปรับแผนเพิ่มการรื้อถอนด้วยเครื่องจักรหนักควบคู่ไปมากขึ้น

ตึกถล่ม

วันที่ 6 ปรับแผนใช้เครนยักษ์ยกปูนค้นหา 72 ชีวิต

เข้าสู่วันที่ 6 ทีมงานกู้ซากตึกถล่ม ปรับแผนค้นหา 72 ชีวิต ด้านญาติผู้สูญหายยังคงรอความหวัง บางส่วนจุดธูปปักลงดิน ขอแม่ธรณีเปิดทางช่วยทุกคนรอดชีวิต

นายกฯ เยี่ยมญาติตึกถล่ม

นายกฯ เยี่ยมให้กำลังใจญาติผู้ประสบภัยตึกถล่มที่ศูนย์พักคอย

นายกฯ เข้าเยี่ยมให้กำลังใจญาติผู้ประสบภัยตึกถล่มที่ศูนย์พักคอย “ขอให้ดูแลตัวเอง อย่าพึ่งป่วย”