ก.ยุติธรรม 9 ก.พ. – “สมศักดิ์” หารือ DEA ถกแนวทางสืบสวนการเงินกลุ่มค้ายา ขอช่วยทำโปรแกรมการเรียนรู้-แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีใหม่ๆ หวัง จนท.ทำงานได้ต่อเนื่อง ตามขบวนการให้ทัน ด้านสหรัฐฯ ชมรัฐบาลไทยจริงจังปราบปราม พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์-ให้การช่วยเหลือเต็มที่
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม หารือแนวทางการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยมี นายนิค วิลส์ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ สำนักงานปราบปรามยาเสพติด สหรัฐฯ (DEA) ประจำกรุงเทพ นายไคล์ เคนท์ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนทางการเงิน DEA ประจำสหรัฐฯ นายวิลเลียม จอห์นสัน ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายสืบสวนทางการเงิน DEA ประจำสหรัฐฯ นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส., พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพล.ต.ท.บรรพต มุ่งขอบกลาง รอง ผบ.บช.ปส. ร่วมการหารือ
นายนิค กล่าวว่า การเข้าหารือในวันนี้ เพราะมีหลายอย่างที่เราอยากรู้และอยากเล่าประสบการณ์การทำงานของ DEA ให้ฟัง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ซึ่งเราต้องขอขอบคุณการทำงานของรัฐบาลไทยและนายสมศักดิ์ ที่จริงจังในการปราบยาเสพติด และออกกฎหมายควบคุมโซเดียมไซยาไนต์ ที่เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด โดยที่ผ่านมา DEA ได้ทำงานร่วมกับ ป.ป.ส. ดีเอสไอ และ บช.ปส. มาโดยตลอด และประเทศไทยก็ได้ให้ความสำคัญกับเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ค้ายา จึงอยากให้คำแนะนำและถ่ายทอดประสบการณ์การสืบสวนเส้นทางการเงินที่เราได้ใช้ เพราะเรื่องนี้เราดำเนินการมาประมาณ 20 กว่าปีแล้ว หากมีอะไรที่ทางประเทศไทยต้องการความช่วยเหลือหรือคำแนะนำ เรายินดีที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่
นายไคล์ กล่าวว่า เราอยากช่วยแชร์ความรู้ในการทำงานของ DEA ในการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งสิ่งสำคัญในการปราบปรามคือการตัดเส้นทางการเงินของเครือข่าย ในการสืบสวนส่วนใหญ่หน่วยงานจะพยายามจับเม็ดยา แต่ที่จริงแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเงินที่หล่อเลี้ยงองค์กรเหล่านั้น ดังนั้นทาง DEA จึงได้พัฒนาการสืบสวนทางด้านการเงินมากขึ้น ทำให้เราได้มองเห็นโครงข่ายของกลุ่มค้ายา รวมถึงแนวโน้มในการทำงานของขบวนการที่มีการพัฒนาอยู่ตลอด มีการนำเทคโนโลยีใหม่ เส้นทางการเงินใหม่ๆ เช่น สกุลเงินดิจิทัล มาใช้
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยเราพึ่งมีประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ที่ใช้มาได้แค่ 1 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่มีเรื่องการยึดอายัดทรัพย์สินผู้ค้ายาแบบเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งเรารู้ว่ายาเสพติดที่ส่งออกจากพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำมีมูลค่ามากมายมหาศาล จึงพยายามเน้นในจุดนี้เพื่อตัดวงจรเครือข่าย โดยการยึดอายัดทรัพย์เป็นเรื่องใหม่ในไทย หลายหน่วยงานยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงต้องพยายามทำให้เข้าใจ และได้มีการตั้งทีมขึ้นมาชื่อว่า พาลีปราบยา ที่เป็นการทำงานร่วมกันของ ป.ป.ส. ดีเอสไอ ตำรวจ อัยการ ป.ป.ง. และสรรพากร เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเรากำลังศึกษาเรื่องสกุลเงินดิจิทัล เพื่อตามกลุ่มผู้ค้ายาให้ทัน รวมถึงการทำระบบ Block Chain เพื่อให้การแจ้งเบาะแสมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วย
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนอยากให้ทาง DEA ช่วยให้ความรู้เรื่องเทคโนโลยีใหม่ เช่น โปรแกรมและเครื่องมือต่างๆ ที่ทันสมัย หากมีวิธีการอะไรที่ดี ก็ขอให้ช่วยแนะนำกับเราด้วย โดยอยากให้ทำโปรแกรมการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อให้เราได้เปิดหลักสูตรสอนแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งทำเป็นแผนการทำงานเพื่อส่งต่อให้กับรัฐบาลชุดต่อๆ ไปไว้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนคิดว่าแม้ว่าเราจะเริ่มเรื่องนี้ช้า แต่เราก็สามารถเรียนรู้ได้เร็ว โดยเราได้มีรางวัลสำหรับผู้แจ้งเบาะแส 5% และเจ้าหน้าที่ที่ทำงาน 25% จากมูลค่าทรัพย์ที่ยึดได้ ซึ่งตนเชื่อว่าการที่เรามีแรงจูงใจแบบนี้จะช่วยทำให้เกิดการเรียนรู้ได้เร็วขึ้น. -สำนักข่าวไทย