“พล.อ.ประวิตร” จี้คุมเข้มยาเสพติดภาคเหนือ

ลำปาง 16 ม.ค.- “พล.อ.ประวิตร” จี้คุมเข้มยาเสพติดภาคเหนือ ปลื้มแก้ปัญหาที่ดินทำกินคืบหน้า

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางไปยังจังหวัดพะเยาและลำปาง เพื่อติดตามการขับเคลื่อนที่ดินทำกิน และการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา และลำปาง รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ

พล.อ.ประวิตร ได้รับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมพื้นที่ภาคเหนือ ที่พบว่ายังมีปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติด จากการเป็นศูนย์กลางชุมทางภาคเหนือ และความคืบหน้าขับเคลื่อนแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้ประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่บุกรุกป่าสงวนและเขตอุทยานฯ ซึ่งมอบให้ประชาชนสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างเป็นระบบ

พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า พอใจกับการแก้ปัญหาที่ดินทำกินตามนโยบายของรัฐบาล ที่มีความคืบหน้าใน 27 พื้นที่ กว่า 58,000 ไร่ รวม 14,366 แปลง สามารถให้ประชาชนทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนฯ และจัดสรรที่ดินให้ประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกินในเขตป่าโดยไม่ได้ถูกต้องตามกฎหมายได้ถึง 14,366 ราย ย้ำขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าไปแก้ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าและฟื้นฟูพื้นที่บุกรุกเดิม และให้เข้าไปส่งเสริมพัฒนาอาชีพประชาชนที่ได้รับการจัดสรรที่ดินทำกินและการเข้าถึงแหล่งทุน ให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตบนหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยให้เร่งขยายผลไปยังพื้นที่ต่างๆ ทุกภาคทั่วประเทศ

พล.อ.ประวิตร ยังย้ำว่า ขอให้เตรียมการรองรับการแก้ปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และ PM 2.5 ในฤดูแล้งที่จะมาถึง โดยกำชับฝ่ายปกครองและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหายาเสพติดในชุมชน โดยเฉพาะรอบสถานศึกษาและสถานประกอบการชุมชน และที่มีกระจายอยู่ตามหมู่บ้านต่างๆ โดยให้พิจารณา ขับเคลื่อนความเข้มแข็งกลไกภาคประชาชน และจูงใจการมีส่วนร่วมมากขึ้น ทั้งนี้ ขอให้ตำรวจ ต้องลงพื้นที่กระจายทำงานร่วมกับฝ่ายปกครองต่อเนื่องกันไป โดยให้รับฟังการประเมินผลจากชุมชนเป็นระยะๆ

จากนั้นรองนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไป อ.แม่เมาะ เพื่อมอบหนังสืออนุญาตหรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ในการทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าแม่โป่งกว่า 1,200 ไร่ และมอบสุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในที่ดินแปลงรวมกับผู้แทนประชาชนในพื้นที่

ทั้งนี้ ในบ่ายวันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้เดินทางต่อไปจังหวัดพะเยา เพื่อติดตามการบริหารจัดการน้ำและความก้าวหน้าการขุดลอกกว๊านพะเยา.-สำนักข่าวไทย