กรุงเทพฯ 28 ธ.ค. – “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” ระบุ เป็นผู้นำเงิน 98,000 บาทไปส่งมอบให้อธิบดีกรมอุทยานฯ ตามแผนที่ป.ป.ช. และบก.ปปป. วางไว้ เหตุต้องการให้ผู้บริหารที่เรียกรับเงินผู้ใต้บังคับบัญชาไปให้พ้นจากกรมอุทยานฯ ยืนยันหัวหน้าหน่วยงานภาคสนามนำส่งเงินผ่านผู้อำนวยการสำนัก โดยส่วนใหญ่จำยอมเพื่อรักษาตำแหน่ง
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) (สบอ. 9) กล่าวว่า เป็นทั้งผู้เข้าร้องเรียนต่อป.ป.ช. และตำรวจบก.ปปป. อีกทั้งยังเป็นผู้ถือเงิน 98,000 บาทไปส่งมอบแก่นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชตามที่ตกลงกันไว้ โดยป.ป.ช. และพนักงานสอบสวน บก.ปปป. วางแผนเข้าจับกุม หลังจากที่ตนได้พูดคุยเรื่องการส่งมอบเงินแก่นายรัชฎาซึ่งมีคลิปวิดีโอและคลิปเสียงเป็นหลักฐาน พนักงานสอบสวนจึงเข้าไปในห้องทำงานของนายรัชฎาเพื่อจับกุม จากนั้นตนจึงออกมาจากห้องเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย
สาเหตุที่มีการวางแผนดังกล่าวเนื่องจากรับทราบเรื่องการเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการไม่โยกย้ายตั้งแต่ตนถูกปลดจากราชการ เมื่อกลับมาในตำแหน่งเดิมคือ ผู้อำนวยการสบอ. 9 พบว่า งานพัฒนาอุทยานแห่งชาติและด้านอนุรักษ์สัตว์ป่าไม่คืบหน้า ข้าราชการรุ่นน้องไม่มีกำลังใจในการทำงานเพราะอาจถูกโยกย้ายห่างไกลจากภูมิลำเนาหรือที่พักอาศัย บางคนจึงต้องยอมจ่ายเงินเพื่อรักษาตำแหน่ง โดยมีทั้งไปกู้สหกรณ์ นำรถไปขาย คนที่มีไม่พอก็ไปต่อรองขอลดจำนวนเงินหรือตีตั๋วเด็กเพื่อรักษาตำแหน่งรายละประมาณ 200,000-300,000 บาท อีกทั้งยังเรียกเก็บเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นรายเดือนอีกด้วย โดยอัตราเรียกเก็บคิดตามอัตราส่วนจากหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณเช่น อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเก็บ 18.5 เปอร์เซ็นต์จากหมวดงบดำเนินงานและค่าใช้สอย หน่วยป้องกันไฟป่าเก็บ 30 เปอร์เซ็นต์จากหมวดงบดำเนินงานและค่าใช้สอย
กรมอุทยานฯ จะมีประชุมผู้บริหารจากส่วนงานในพื้นที่ต่างๆ ทุกเดือนซึ่งเป็นสัญญาณที่ทราบกันดีว่า เป็นห้วงเวลาที่ต้องนำส่งเงินตามที่ถูกเรียก โดยนำส่งผ่านระดับผู้อำนวยการสำนัก โดยเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดในกรมอุทยานฯ มาก่อน เพิ่งมีตั้งแต่นายรัชฎามาเป็นอธิบดี
ทั้งนี้ส่งหนังสือร้องเรียนต่อป.ป.ช. เมื่อ 6 เดือนก่อน โดยป.ป.ช. แนะนำให้เข้าแจ้งความต่อตำรวจบก.ปปป. ด้วยเพื่อร่วมกันสอบสวน โดยวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมาป.ป.ช. ได้เรียกนายชัยวัฒน์ไปให้ปากคำอีกครั้งและได้ส่งหลักฐานเพิ่มเติมจึงนำมาสู่การวางแผนจับกุมแบบ “พลีชีพ” นำเงิน 98,000 บาทใส่ซอง 3 ซอง โดยลงบันทึกประจำวันกับตำรวจไว้ไปส่งมอบแก่นายรัชฎาตามที่ตกลงกันไว้ในวันประชุมประจำเดือนเมื่อวานนี้
นายชัยวัฒน์ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาขัดแย้งส่วนตัวกับนายรัชฎา แต่เห็นว่า พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจึงต้องการให้ไปเสียให้พ้นจากกรมอุทยานฯ เพื่อให้ข้าราชการสามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องกังวลใดๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพิทักษ์รักษาป่าซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
นายชัยวัฒน์ยังกล่าวถึงคำสั่งของนายกรัฐมนตรีที่ให้นายรัชฎาไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกรัฐมนตรีว่า จะทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกเรียกเงินจะกล้าแสดงพยานหลักฐานต่อพนักงานสอบสวนมากขึ้นจึงส่งผลดีต่อดำเนินการตามกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย