กรุงเทพฯ 28 ธ.ค.-EXIM BANK ชี้ทางรอดปีกระต่ายทอง ต้องรุกตลาด CLMV และตะวันออกกลางควบคู่พัฒนาธุรกิจสู่อนาคต แก้เกมเศรษฐกิจโลกชะลอตัว คาดจีดีพีไทยปี 66 ขยายตัวร้อยละ 3.5 สวนทางเศรษฐกิจโลก ชะลอลงร้อยละ 2.7
นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 3.5 สวนทางกับเศรษฐกิจโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าชะลอลงเหลือร้อยละ 2.7 ต่ำสุดในรอบ 21 ปี ไทยเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในภูมิภาค เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ด้วยแรงขับเคลื่อนสำคัญจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน คาดว่าจะเดินทางเข้ามาไทยมากกว่า 20 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีก่อน รวมถึงแรงหนุนจากอุปสงค์ในประเทศโดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวเพิ่มขึ้น จากรายได้เกษตรกรและการจ้างงานในภาคบริการที่ฟื้นตัวตามการท่องเที่ยว
ขณะที่ภาคการส่งออก เคยเป็นเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เริ่มมีแนวโน้มชะลอลง ดัชนีชี้นำการส่งออกของไทย ต่ำสุดในรอบ 8 ไตรมาส คาดว่า การส่งออกของไทยทั้งปี 2566 จะขยายตัวเพียงร้อยละ 1-2 ชะลอลงจากร้อยละ 7-8 ในปี 2565 โดยมีปัจจัยกดดันมาจากอุปสงค์ในตลาดโลกชะลอลง โดยเฉพาะคู่ค้าสำคัญอย่างสหรัฐฯ และยุโรปต้องเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) มากขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจจีน มีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ขณะเดียวกัน ปัญหา Global Supply Chain Disruption แม้จะคลี่คลายลงบ้าง แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ตลอดจนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน กระทบต่อการส่งออกไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ทางรอดของผู้ประกอบการไทยในช่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ได้แก่ 1. การรุกส่งออกไปยังตลาดCLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) เติบโตกว่าร้อยละ 15 และตะวันออกกลาง อาทิ ซาอุดีอาระเบีย ในช่วง 10 เดือนแรก ปี 2565 การส่งออกของไทยไปตลาดดังกล่าวขยายตัวร้อยละ 26 2.การส่งออกสินค้าที่เติมเต็มช่องว่างทางการตลาด เช่น สินค้าเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว อาทิ อาหาร ผลไม้ เครื่องสำอาง 3. การส่งออกสินค้าเกาะกระแสเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ เช่น กระแสรักษ์สุขภาพและกระแสรักษ์ สิ่งแวดล้อม กลายมาเป็น New World Order
EXIM BANK พร้อมทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทย รวมถึงบุคคลธรรมดาที่ทำธุรกิจ ใช้โอกาสที่จะเข้ามาในปีหน้าขับเคลื่อนการพัฒนาธุรกิจให้เชื่อมโยงกับ Supply Chain ของโลก พัฒนากลยุทธ์และไลน์การผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการสนับสนุนธุรกิจที่สร้างความยั่งยืนในมิติเศรษฐกิจควบคู่กับสังคมและสิ่งแวดล้อม สร้างคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค นำไปสู่การพัฒนาของทุกภาคส่วนอย่างสมดุลและยั่งยืน
“ปี 2566 ยังมีปัจจัยเสี่ยงรุมเร้ามากมาย แต่โอกาสใหม่ ๆ ได้แทรกตัวอยู่ในตลาดและสินค้าที่ไทยมีศักยภาพ EXIM BANK พร้อมช่วยเหลือทางการเงินครบวงจร ตั้งแต่ บุคคลไปจนถึงวิสาหกิจชุมชนและกิจการทุกระดับ ที่มีความฝันจะขยายตลาดต่างประเทศ การทำตลาดผ่านแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ต่าง ๆ หัวใจสำคัญคือ ความสามารถในการปรับตัวและก้าวทันโลกยุคใหม่โดยใช้กลไกและการสนับสนุนของภาครัฐ ‘กล้า พัฒนาเพื่อคนไทย’ เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยและโลกในวันพรุ่งนี้ให้ดีและน่าอยู่กว่าเดิม” ดร.รักษ์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย