กทม. 23 ธ.ค.-กทม. เตรียมทดสอบตอม่อสะพานข้ามแยกเจริญราษฎร์ เร่งบรรเทาปัญหาการจราจรข้างทางลอดรัชดา-ราชพฤกษ์ และสะพานข้ามแยกห้าแยก ณ ระนอง
นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจโครงการก่อสร้างทางลอดรัชดา-ราชพฤกษ์ ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาถนนทรุดตัวและปิดสะพานข้ามแยกเจริญราษฎร์ และโครงการก่อสร้างสะพานข้ามห้าแยก ณ ระนอง ว่า จุดแรกเป็นการตรวจโครงการก่อสร้างทางลอดรัชดา-ราชพฤกษ์ ซึ่งทางลอดได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดใช้งานแล้ว แต่ถนนที่อยู่ด้านข้างของอุโมงค์ มีการวางท่อประปาของการประปานครหลวงและท่อร้อยสายไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมิ.ย.66 จึงได้กำชับผู้รับเหมาให้ดูแลผิวการจราจรบริเวณดังกล่าวโดยเฉพาะช่วงกลางวันขอให้เปิดใช้งานได้ และขอให้ใช้พื้นที่ในการทำงานให้น้อยที่สุด ขณะเดียวกันได้ดูเรื่องการจัดวางสัญญาณไฟและการจัดทิศทางจราจรใหม่ของสี่แยกแยกมไหสวรรย์ ให้สอดคล้องกับปริมาณการจราจรที่เกิดขึ้นจริง
จุดที่ 2 เป็นการติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาถนนทรุดตัวและปิดสะพานข้ามแยกเจริญราษฎร์ ซึ่งผู้รับเหมาได้ดำเนินการซ่อมแซม โดยทำการเกร้าท์หลุมเพื่ออัดพื้นดินด้านล่างให้แน่นและทำการถมดินเรียบร้อยแล้ว จากการตรวจสอบโครงสร้างสะพานข้ามแยกเจริญราษฎร์ไม่ได้ทรุดตัวมากอยู่ในระดับมิลลิเมตร จึงได้เชิญผู้เชี่ยวชาญ จากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ มาตรวจสอบพบว่าระดับการทรุดตัว ยอมรับได้ แต่อย่างไรก็ตามก่อนเปิดใช้งานก็อยากให้มีความมั่นใจว่าโครงสร้างสะพานรับน้ำหนักได้จริง โดยในคืนนี้(24 ธ.ค.65) จะมีการทดสอบแบบการใช้น้ำหนักจริงโดยใช้รถบรรทุกในการทดสอบ (Laad Test) เพื่อดูว่าเมื่อมีรถบรรทุกหนักๆ วิ่งแล้ว สภาพของตัวเสาโครงสร้างจะเป็นอย่างไร จะทรุดตัวหรือเอียงตัวหรือไม่ ถ้าผลเป็นที่น่าพอใจ คิดว่าปลอดภัย คาดว่าวันอาทิตย์(25 ธ.ค.65) น่าจะเปิดการใช้งานสะพานได้เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรบริเวณดังกล่าว แต่ถ้าผลออกมามีปัญหาอะไรก็จะหาวิธีแก้ไขต่อไป
จุดที่ 3 เป็นการตรวจโครงการก่อสร้างสะพานข้ามห้าแยก ณ ระนอง ซึ่งการก่อสร้างตัวสะพานมีอุปสรรคเล็กน้อยจึงทำให้เกิดการล่าช้าในการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมี.ค.66 วันนี้ที่มาเป็นการเร่งงานใต้สะพานเพื่อเร่งรัดการคืนผิวการจราจรบริเวณใต้สะพาน เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจร โดยได้คุยกับผู้รับเหมาให้คืนผิวจราจรบริเวณใต้สะพานก่อนปีใหม่ เพื่อเพิ่มช่องการจราจรให้ประชาชนใช้สัญจรโดยสะดวก.-สำนักข่าวไทย