มอสโก 8 ธ.ค. – ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ยอมรับว่า กองทัพรัสเซียอาจต้องปฏิบัติการสู้รบในยูเครนยืดเยื้อเป็นเวลายาวนาน แต่จะไม่มีการใช้คำสั่งระดมพลเป็นครั้งที่ 2 ในตอนนี้
ประธานาธิบดีปูติน ซึ่งไม่ค่อยพูดถึงเรื่องช่วงเวลาที่ใช้ในการสู้รบกับยูเครนนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากบุกโจมตียูเครนมาเป็นเวลากว่า 9 เดือน กล่าวกับผู้สนับสนุนในการประชุมที่มีการถ่ายทอดผ่านทางโทรทัศน์เมื่อวันพุธว่า กองทัพรัสเซียอาจต้องปฏิบัติการสู้รบในยูเครนยืดเยื้อเป็นเวลายาวนาน แม้ตอนนี้มีความเสี่ยงต่อการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครนเพิ่มขึ้น แต่รัสเซียจะไม่ตัดสินใจใช้อาวุธดังกล่าวโดยพลการเด็ดขาด
ประธานาธิบดีปูตินยังกล่าวว่า รัสเซียได้สั่งระดมทหารกองหนุนราว 150,000 นายจากทั้งหมด 300,000 นายในเดือนกันยายนและตุลาคมเพื่อเข้าไปปฏิบัติการในยูเครน ส่วนทหารที่เหลืออีก 150,000 นายกำลังเข้ารับการฝึกซ้อมรบอยู่ในศูนย์ฝึกทหาร ทั้งยังระบุว่า ขณะนี้ รัสเซียยังไม่มีเหตุผลจำเป็นที่จะต้องใช้คำสั่งระดมพลครั้งที่ 2
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า แม้กองทัพรัสเซียจำเป็นต้องประกาศถอนกำลังทหารออกจากสนามรบ ซึ่งรวมถึงการเสียเมืองเคอร์ซอน ทางตอนใต้ของยูเครนที่รัสเซียยึดไว้คืนกลับไปให้ยูเครน แต่ประธานาธิบดีปูตินก็ระบุว่า เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจที่สั่งเปิดฉากบุกโจมตียูเครน ทั้งยังระบุว่า รัสเซียได้บรรลุผลจากปฏิบัติการพิเศษทางทหารแล้ว นั่นคือ การผนวกแคว้นทั้งสี่ของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในเดือนกันยายน.-สำนักข่าวไทย