รัฐสภา 9 พ.ย.- “ชวน” ขอ ส.ส.นัดประชุมเพิ่มวันศุกร์ หลังจบประชุมเอเปค ระบุเพื่อความไม่ประมาท ชี้ไม่ทราบรัฐบาลยุบสภาเมื่อไหร่ ด้าน “ชินวรณ์” ขอความร่วมมือสมาชิกผ่านรายงาน กมธ. ขณะ “พิเชษฐ์” แย้งสภาฯ เคยคว่ำรายงานฉบับหนึ่งแล้ว จึงต้องทำตามบรรทัดฐาน
ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันนี้ (9 พ.ย.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้หารือกับสมาชิกว่า สัปดาห์หน้าจะเป็นการประชุมเอเปค ทำให้สภาฯ งดประชุม ส่วนสัปดาห์ต่อไป ขออนุญาตให้มีการประชุมวันศุกร์เพิ่มอีก 1 วัน เพื่อความไม่ประมาท
“ต้องเรียนสมาชิกตรงๆ ผมไม่อยากให้เพื่อนๆ เราที่ทำงานหนักในกรรมาธิการ เสียทั้งเวลา เสียทั้งเงินในการประชุม กว่าจะสำเร็จ ก็ไม่อยากให้มันค้าง และความไม่แน่นอนของสภาฯ ว่าจะรัฐบาลจะยุบสภาหรือไม่ เราก็ไม่มีโอกาสทราบ อยากให้เราไม่ประมาท คือเรื่องที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วนั้น กำลังทยอยเข้ามา รู้ว่าเวลามีไม่พอแล้ว ขอเชิญทยอยเข้ามา ถ้าเราปล่อยไว้ไม่พิจารณาให้จบ สมาชิกเราก็จะไม่มีผลงานกลับบ้านเลย” นายชวน กล่าว
จากนั้น นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล ได้ลุกขึ้นหารือ พร้อมระบุว่า วิปรัฐบาลเห็นด้วยกับประธานสภาฯ ทั้งนี้ วิปรัฐบาลทุกพรรคได้หารือและเห็นชอบกับการนัดประชุมเป็นพิเศษในวันศุกร์ และจะทำงานอย่างเต็มที่ พร้อมขอให้เพื่อนสมาชิกฯ ช่วยให้ความร่วมมือ เพื่อให้รายงานผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ
ทำให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ขอเสนอให้ตรวจสอบองค์ประชุมในการประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ก่อนจะเกิดเหตุสภาล่มเพราะองค์ประชุมไม่ครบ ลุกขึ้นมาชี้แจงว่า เรื่องการรายงานนั้น มีการสร้างบรรทัดฐานขึ้นมาในการประชุมสมัยนี้ เพราะเคยมีรายงานฉบับหนึ่งถูกโหวตคว่ำในสภาฯ ทั้งที่เป็นเพียงรายงานผลการศึกษาเท่านั้น เรื่องนี้จะโทษใครได้ ต้องแก้เรื่องนี้ก่อน แล้วรายงานทุกฉบับก็ย่อมผ่านโดยไม่มีข้อสงสัย
“ในเมื่อสภาฯ สร้างบรรทัดฐานนั้นขึ้นมา จะให้ผมทำอย่างไร ผมก็ต้องสร้างบรรทัดฐานตามนั้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภาล่ม เกิดจากความร่วมมือของหลายฝ่าย ไม่ใช่เพียงฝ่ายค้านเท่านั้น ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องอยู่เป็นองค์ประชุมด้วย บรรทัดฐานนั้น ขอแก้ไขได้หรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องคลองไทย” นายพิเชษฐ กล่าว
นายชวน จึงกล่าวว่า ไม่ได้มีใครวิจารณ์ใคร เพียงขอความร่วมมือสมาชิกมาประชุมเท่านั้น จากนั้นที่ประชุมสภาฯ ได้เข้าสู่วาระการพิจารณาต่อไป.-สำนักข่าวไทย.