สภาฯ ถกญัตติป้องกันเหตุรถทัศนศึกษาไฟไหม้

รัฐสภา 2 ต.ค.-สภาฯ ถกญัตติด่วนด้วยวาจา หาแนวทางป้องกันเหตุเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษา จี้ตรวจสอบรถ-ความพร้อมคนขับ ด้าน สส.อุทัยธานี หลั่งน้ำตา ขอบคุณทุกหน่วยงานช่วยเหลือเต็มที่ ขอให้เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนนำไปสู่การแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม และสดุดีครูที่ทำหน้าที่จนลมหายใจสุดท้าย


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (2 ต.ค.) มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา ขอให้พิจารณาศึกษาข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นและแนวทางยกระดับมาตรฐานในการป้องกันเหตุ จากเหตุการณ์เพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษานักเรียนจากจังหวัดอุทัยธานี จนมีผู้เสียชีวิต จำนวนมาก พร้อมหาแนวทางการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ

โดยนายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายเป็นคนแรก ด้วยอาการเศร้า และเสียงสั่นเครือ ว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนในนามของคนอุทัยธานี และในฐานะครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เข้าไปช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีและเต็มกำลังความสามารถ และขอบคุณทุกการโอบอุ้ม ทุกคำปลอบโยน ที่ส่งมาให้ ตนเองขอเก็บความเจ็บช้ำที่เกิดขึ้นไว้กับตัวเอง ขอให้เป็นสิ่งที่ได้รับการเรียนรู้แก้ไข และยกระดับการป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับใครอีก


นายเจเศรษฐ์ กล่าวว่า เหตุการณ์เมื่อวานนี้ตนเองเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ สิ่งที่เห็น คือยานพาหนะที่จอดนิ่งสนิท แต่มีเสียงบางอย่าง ที่ได้ยินก็รู้ว่าเป็นเสียงอะไร ทั้งยังมีเด็กที่เดินทางมาทัศนศึกษา เรียนรู้ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากที่สุด พร้อมจะกลับไปบอกเล่าเรื่องราวที่พบเจอให้ผู้ปกครองฟัง แต่ก็ยังมีนักเรียน คุณครู หลายคนยังเดินทางกลับอุทัยธานี

ขณะเดียวกัน ตนเองยังได้เห็นคุณครูที่ได้รับบาดเจ็บจากไฟลวก เนื่องจากเข้าไปช่วยนักเรียน นั่งรำพึงบนโทษตัวเอง ว่ายังทำได้ไม่มากพอยังทำได้ไม่ดีพอ เห็นพี่ชาย ไม่สามารถดูแลน้อง ไม่สามารถพาน้องตัวเองกลับไปได้ และได้เห็นพ่อแม่ของผู้เสียชีวิต เดินสอบถาม เพื่อให้แน่ชัดว่าลูกตัวเองไม่ได้อยู่บนรถ คันนั้นหรือได้เดินทางกลับมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทุกคนที่ได้รับรู้เรื่องราวนี้รู้สึกสลดและเศร้าใจ ขณะเดียวกันวันนี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกำลังร่วมกันหาแนวทางการแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้น ขอให้ทางรัฐบาลช่วยรวบรวม ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ไปออกมาตรการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ต้องการให้มีการถอดบทเรียนเรื่องนี้อีกแล้ว แต่ขอให้เกิดการ เรียนรู้และตื่นตระหนกเพื่อให้ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและจะได้มีมาตรการขึ้นมาป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก และย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของการเมืองหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เป็นเรื่องของทุกคนที่จะต้องช่วยกันระดมความคิดสติปัญญาและเอาประสบการณ์ที่มีมาทำให้เกิดการแก้ไขอย่างจริงจัง


นายเจเศรษฐ์ ยังกล่าวสดุดีคุณครู 3 คน บนรถคันที่เกิดเหตุ ที่ปฏิบัติหน้าที่จนถึงลมหายใจสุดท้ายของชีวิต ตนเองขอให้คำมั่นสัญญาว่า จะสืบทอดเจตนารมย์ของคุณครูที่พร้อมพลีกาย ปกป้องนักเรียน

นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ สส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เสนอ ว่า รถที่ใช้สำหรับการขนส่งนักเรียน ไม่ว่าจะเป็นการทัศนศึกษาหรือจะเดิน ทางไปที่ไหนก็ตามต้อง มีการตรวจสอบรถยนต์และพนักงานขับรถให้มีความพร้อมมากที่สุดเพื่อรองรับเหตุการณ์ ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นโดยต้อง ใช้รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่ปลอดภัยกว่าการใช้ก๊าซ คนขับรถต้องมีความรับผิดชอบที่ดี ต้องมีมาตรการควบคุมมาตรฐานของคนขับรถทัศนศึกษา คนขับรถต้องมีความรู้เพียงพอ มีความรับผิดชอบ เช่นเดียวกับนักบินที่จะต้องดูแลชีวิตผู้โดยสารบนเครื่องบินทั้งลำ มีการให้ความรู้ ในการเอาตัวรอดหากเกิดเหตุฉุกเฉินเหมือนบนเครื่องบิน พร้อมเสนอให้มีการออกกฏหมายครอบคลุมไปถึงเจ้าของรถจะต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยเพื่อไม่ให้เจ้าของรถละเลยการดูแลคุณภาพและสมรรถนะของรถ ขณะเดียวกัผู้ประกอบการขนส่งที่จะต้องมีความรอบรู้และเข้าใจกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น และจะต้องกำชับให้ใส่ใจมากขึ้นหากเป็นรถทัศนศึกษาของนักเรียนที่เป็นเด็กเล็ก จะต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าปกติ

นายจิตติพจน์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ครูที่ไปกับคณะทัศนศึกษา ก็จะต้องมีสติมีความรอบรู้ ที่จะรู้จักการแก้ไขปัญหาหรือรับมือกับสถานการณ์อุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ รวมไปถึงสถานศึกษาก็จะจะต้องมีการพิจารณาเรื่องการจัดการทัศนศึกษาหากมีเด็กเล็กก็ควรกำหนดระยะทาง และต้องมีการตรวจสอบคุณภาพของรถและพนักงานขับรถด้วยหากไม่พร้อมก็ควรยกเลิกการทัศนศึกษาไปก่อน
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เห็นว่า การทัศนศึกษา เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของนักเรียน ดังนั้น การทัศนศึกษา จึงไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นปัญหาในการจัดการความปลอดภัยของยานพาหนะ โดยเฉพาะรถบัส และรถตู้ เพื่อการขนส่งสาธารณะของคนหมู่มาก ซึ่งหากยังปล่อยปละละเลย ก็จะเป็นอันตรายอย่างมาก พร้อมยังตั้งข้อสังเกตว่า รถคันที่เกิดเหตุได้การติดตั้งก๊าซ CNG แต่รถบัสคันดังกล่าว เมื่อมีการเฉี่ยวชนกับขอบทาง ถึงกับสามารถลามไฟได้ทันที ฉะนั้น กระทรวงคมนาคม จะต้องตรวจสอบต่อไป เพราะรถคันดังกล่าวมีอายุมากกว่า 50 ปี และยังมีการดัดแปลงมาขนส่งรับผู้โดยสาร และยังไม่มีการจดทะเบียนการใช้ก๊าซ CNG ด้วย ซึ่งไม่ทราบว่า การตรวจสภาพรถประจำปี สามารถผ่านการตรวจสอบมาได้อย่างไร ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะต้องขันน็อต ด้วยการเรียกรถสาธารณะที่ขนส่งโดยสารคนจำนวนมาก และติดก๊าซ CNG มาตรวจสอบสภาพใหม่ทั้งหมด เพื่อยืนยันความปลอดภัย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จะต้องออกระเบียบถึงการจัดจ้างรถโดยสารต้องคำนึงความปลอดภัยอย่างรอบด้าน มีการฝึกซ้อมครู และเจ้าหน้าที่ ให้พร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน รวมถึงการทำประกันการเดินทางให้กับนักเรียนด้วย.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]