กรุงเทพ 28 ต.ค.- โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ยื่นหนังสือร้องเรียน ผบ.ทร. ว่า มีกำลังพลกองทัพเรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
พลเรือเอก ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ตามที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้บัญชาการทหารเรือ กรณีมีกำลังพลของกองทัพเรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ ขบวนการค้ายาเสพติด โดย ผู้บัญชาการทหารเรือได้มอบหมายให้ผู้แทน รับมอบหนังสือดังกล่าวเมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น
โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า การที่นายอัจฉริยะ ออกมาร้องทุกข์กล่าวโทษข้าราชการกองทัพเรือ โดยกล่าวหาว่าร่วมกันปล้นยาเสพติดของกลางที่ฝ่ายปกครองยึดไว้ ทำหลักฐานบันทึกจับกุมอันเป็นเท็จ และปล่อยให้ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดหลบหนีนั้น กองทัพเรือขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้
จากผลสรุปของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งได้สอบบุคคลผู้เกี่ยวข้อง สรุปได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2564 เวลา 02.30 น. ที่บ้านปากมาง ต.กองนาง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตหนองคาย (นรข.เขตหนองคาย) ได้รับรายงานจากสายข่าวว่า ในช่วงนี้จะมีการลำเลียงยาเสพติด จากประเทศเพื่อนบ้าน ข้ามแม่น้ำโขง ผ่านเข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบ จึงวางแผนและวางกำลังในพื้นที่ จนเมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 10 มกราคม 2564 จนท.นรข.ได้ตรวจพบเรือ 2 ลำแล่นมาจากฝั่งลาว เข้ามาบริเวณจุดเกิดเหตุ และลำเลียงกล่องพัสดุขึ้นฝั่ง จนท.นรข. พบเห็นการกระทำดังกล่าว จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์เพื่อรอจับกุมพร้อมผู้ที่จะมารับยาเสพติดเพื่อส่งต่อภายในประเทศ แต่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ที่อยู่ในที่เกิดเหตุด้วยเช่นกัน ได้แสดงตนเพื่อทำการจับกุม เป็นเหตุให้ผู้ลักลอบขนยาเสพติด หนีกลับทางฝั่งลาว เจ้าหน้าที่ นรข. จึงเข้าแสดงตนกับชุด ชรบ. และเข้าควบคุมของกลาง พร้อมกับรายงานให้หัวหน้าสถานีเรือศรีเชียงใหม่ (หน.สน.เรือศรีเชียงใหม่) ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชารับทราบและเดินทางมายังที่เกิดเหตุ ระหว่างนั้น ได้มีรถกระบะ ซึ่งมี นายกิตติศักดิ์ แจ่มใส เป็นคนขับและ นายออมทรัพย์ หรือ เบียร์ เอี่ยมแพ่ง โดยสารมาด้วย เมื่อเห็นว่ามี จนท.นรข. อยู่ในพื้นที่ นายออมทรัพย์ ได้วิ่งหนีไป ส่วนนายกิตติศักดิ์ ได้พยายามหลบหนี แต่ จนท.นรข.สามารถควบคุมตัวไว้ได้ เมื่อ หน.สน.เรือศรีเชียงใหม่ เดินทางมาถึง ได้มีการเจรจากับ ชุด ชรบ. จากนั้น หน.สน.เรือศรีเชียงใหม่ ได้ให้ทำการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยพร้อมของกลาง เพื่อนำกลับมายัง สน.เรือศรีเชียงใหม่ แต่มีความพยายามขัดขวางจากชุด ชรบ. ภายหลังจึงได้ให้ชุด ชรบ. 2 นาย นั่งกระบะหลัง เพื่อร่วมเดินทางมา สน.เรือศรีเชียงใหม่ ด้วย เมื่อมาถึง สน.เรือศรีเชียงใหม่ หน.สน.เรือศรีเชียงใหม่ ได้สั่งให้มีการถ่ายรูปยาเสพติดและทำบันทึกการจับกุม โดยให้ ชุด ชรบ.ลงลายมือชื่อเป็น เจ้าหน้าที่ผู้ร่วมจับกุมด้วย แต่ถูกปฏิเสธจาก ชุด ชรบ. คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงลงความเห็นว่า การปฏิบัติของ จนท.นรข. เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตตามอำนาจและหน้าที่ แต่เหตุการณ์ดังกล่าว มีความขัดแย้งและเกิดความไม่เข้าใจ ระหว่าง นรข.กับ ชรบ. เนื่องจากขาดการชี้แจงหรืออธิบายของผู้มีอำนาจหน้าที่ในขณะนั้น และการกระทำไม่เป็นไปด้วยความประนีประนอม ซึ่งกองทัพเรือก็ได้มีการลงทัณฑ์ หน.สน.เรือศรีเชียงใหม่ พร้อมทั้งสั่งย้ายออกจากพื้นที่ตั้งแต่เกิดเหตุแล้ว ทั้งนี้จากผลการจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดของ นรข. ดังกล่าว ได้นำไปสู่คำพิพากษาของศาลจังหวัดหนองคายตัดสินจำคุกนายกิตติศักดิ์ ในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ในระหว่างการสอบข้อเท็จจริง คณะกรรมการฯ ได้เชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเข้าร่วมฟังการสอบข้อเท็จจริงของ จ่าเอกอนุชิต มะลิหอม หรือจ่ากุ้ง เนื่องจาก มีชื่อของ จ่าเอกอนุชิต ปรากฏในโทรศัพท์ ของนายกิตติศักดิ์ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง จึงได้เรียกตัว จ่าเอกอนุชิต ซึ่งขณะนั้นสังกัด กองข่าว กองเรือยุทธการ เข้ามาให้ข้อเท็จจริงที่ กองบังคับการ นรข.เขตหนองคาย โดยในระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง จ่าเอกอนุชิต ได้ยินยอมที่จะให้ความจริงทุกประการ คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ได้ขอให้ จ่าเอก อนุชิต เข้ามาให้ข้อเท็จจริง โดยนำหลักฐานที่มีพร้อมโทรศัพท์มือถือ มามอบให้คณะกรรมการสอบสวน ในระหว่างที่ จ่าเอกอนุชิต ไปนำหลักฐานมาให้นั้น คณะกรรมการ ได้สอบถาม เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาเข้าร่วมฟังการสอบข้อเท็จจริงว่าสามารถควบคุมตัว จ่าเอก อนุชิตได้หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาเข้าร่วมฟังการสอบข้อเท็จจริงแจ้งว่าไม่สามารถควบคุมตัวได้ เนื่องจากไม่มีอำนาจตามกฎหมาย เพราะว่าไม่มีหมายจับ จ่าเอกอนุชิต ในขณะนี้ ระหว่างนั้น จ่าเอกอนุชิต ได้ใช้กลอุบายหลอกลวงว่าจะไปนำหลักฐานซึ่งได้เก็บไว้ที่โรงแรมที่พักมาให้ แล้วจึงขับรถหนีไป คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงประสานกับ เจ้าพนักงานตำรวจ สภ.ท่าบ่อ เพื่อขอให้สกัดจับ แต่ในที่สุดจ่าเอกอนุชิตสามารถหลบหนีไปได้ จากนั้นคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ได้ประสานกับเจ้าพนักงานตำรวจขอให้ศาลออกหมายจับ เนื่องจากเชื่อว่า จ่าเอกอนุชิต มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดครั้งนี้ และศาลจังหวัดหนองคายได้อนุมัติออกหมายจับ จ่าเอกอนุชิตแล้ว โดยกองทัพเรือได้ดำเนินการปลดออกจากราชการเรียบร้อยแล้ว และในส่วนคดีของ หน.สน.เรือศรีเชียงใหม่ เรื่องการทำหลักฐานจับกุมอันเป็นเท็จตามที่ถูกกล่าวหานั้น ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนของเจ้าพนักงาน ป.ป.ท. และ ป.ป.ช.
โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า เจตนารมณ์ของ พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ มีนโยบายที่จะให้กำลังพล มีระเบียบวินัย มีคุณธรรม จริยธรรม พร้อมทั้งมีนโยบายอย่างเคร่งครัดที่จะไม่ให้กำลังพลยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ซึ่งหากพบว่ามีกำลังพลรายใดฝ่าฝืน กองทัพเรือจะดำเนินการทางวินัยและทางอาญาเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง พร้อมทั้ง ขอให้เชื่อมั่นว่ากองทัพเรือจะไม่มีการปกป้องคนผิดไม่ว่าจะเป็นในระดับใดก็ตาม .-สำนักข่าวไทย