รัฐสภา 24 เม.ย.- ประธาน กรธ.โต้คนวิจารณ์กรธ.กำหนดคุณสมบัติตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อตัวเอง ใจแคบ ยัน ร่างกฎหมายตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ย้ำต้องให้พรรคการเมืองจัดเก็บค่าสมาชิกพรรคการเมืองทุกปี เพื่อให้ประชาชนเกิดความรู้สึกมีส่วนร่วม ชี้หากร่างรธน.ใหม่แล้วไม่มีอะไรก้าวหน้า ก็ไม่ควรเปลี่ยนรธน.
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีที่มีเสียงวิจารณ์การกำหนดคุณสมบัติของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเพื่อรองรับกรธ.เข้าไปทำหน้าที่ว่า จะมีกรธ.กี่คนที่มีคุณสมบัติดังกล่าว และในประเทศไทยมีศาสตราจารย์อีกหลายคน คนที่คิดเช่นนี้ถือว่าใจแคบ และขณะนี้รัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้แล้ว การร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญจะต้องเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ รวมถึงคุณสมบัติของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วย
ประธาน กรธ. กล่าวว่า สำหรับคุณสมบัติของกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ที่สนช.บางคนระบุว่าสามารถเขียนไว้ในบทเฉพาะกาลของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต.ให้กกต.ชุดเดิมอยู่ต่อได้นั้น นายมีชัย กล่าวว่า เป็นสิทธิของสนช.แต่กรธ.มองว่าเมื่อเปลี่ยนคุณสมบัติของกกต.แล้วรัฐธรรมนูญไม่ได้ยกเว้นให้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ก็ต้องใช้คุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ หากสนช.เห็นว่ามีช่องทางที่จะเขียนเป็นอื่นได้ ก็ต้องรอดูก่อน ว่าเขียนอย่างไร
ส่วนกรณีที่ระบุว่าผู้ตรวจการจังหวัดไม่คุ้นเคยกับพื้นที่จะทำให้ยากต่อการทำงานนั้น นายมีชัย กล่าวว่า ตอนที่ตั้ง กกต.จังหวัดใหม่ ๆ ก็ไม่มีใครคุ้นกับพื้นที่ รวมทั้งกกต.ก็ไม่มีใครคุ้นกับพื้นที่เช่นกัน แต่สามารถทำงานได้ ซึ่งผู้ตรวจการเลือกตั้งก็มีทั้งคนในพื้นที่และนอกพื้นที่ บทบาทเปลี่ยนแปลงไป ทำหน้าที่สอดส่องดูแลการเลือกตั้ง แตกต่างจากกกต.จังหวัดที่ได้รับมอบอำนาจจากกกต.ให้ดำเนินการสอบสวนการเลือกตั้งได้
นายมีชัย กล่าวว่า สำหรับร่างพ.ร.ป.พรรคการเมืองนั้น ตนเห็นว่า ควรต้องให้พรรคการเมืองจัดเก็บค่าสมาชิกพรรคการเมืองทุกปี เพื่อให้ประชาชนเกิดความรู้สึกมีส่วนร่วม และมีสิทธิมากขึ้นในการตัดสินนโยบายพรรค และใครจะเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เข้าใจว่าเมื่อมีการออกกฎกติกาอะไรใหม่ ก็มักจะมีความกังวล แต่หากยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แล้วไม่ก้าวไปข้างหน้า ก็ไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องปรับเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ และปัจจุบันยังมีการนำเงินภาษีของประชาชนไปสนับสนุนพรรคการเมือง แล้วเหตุใดคนที่จะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองจึงจะไม่จ่ายเงิน ส่วนโพลล์หรือผลการสำรวจความเห็นของประชาชนที่กรธ.อ้างอิงเป็นการสำรวจความเห็นจากประชาชนโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ จากประชาชนทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่จากคนบางส่วน จึงทำให้ผลโพล์ต่างจากพรรคการเมือง.-สำนักข่าวไทย