กองทัพไทย 11 ต.ค.-ประชุมผบ.เหล่าทัพนัดแรก รับนโยบายรัฐบาล – กองทัพ เพื่อส่วนรวม ดูแลปชช. ขณะผบ.ทสส.ระบุเข้าใจงบจำกัด จะใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2566 โดยมีพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศและพล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมประชุม
พล.อ.เฉลิมพล แถลงภายหลังการประชุมว่า การประชุมวันนี้(11 ต.ค.) คือการเปลี่ยนแปลงผู้บัญชาการเหล่าทัพ นายทหารชั้นผู้ใหญ่และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ สนองพระเดชพระคุณมาพบกันครั้งแรก สิ่งที่สำคัญคือได้นำนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาชี้แจงให้ในที่ประชุมรับทราบ และนโยบายของกองบัญชาการกองทัพไทยในการปฏิบัติงานเร่งด่วนในปี 2566 โดยเฉพาะการปฏิบัติงานของทหารและตำรวจ ซึ่งต้องปฏิบัติทั้งภารกิจของเราที่กำหนดไว้และนโนบายรัฐบาล เพื่อตอบสนองภารกิจในภาพรวมและปฏิบัติงานตามสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปให้มีความทันสมัยและตอบสนองประชาชน
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า นโยบายของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีเนื้อหาหลักเร่งด่วนในปี 2566 จำนวน 3 ด้าน ประกอบด้วยการเสริมสร้างด้านความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ เช่น ภารกิจ พิทักษ์ ปกป้อง เทิดทูนสถาบัน กิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน การติดตามสถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาคและระดับโลก การเสริมสร้างศักยภาพของกองทัพและตามแนวชายแดน การเสริมสร้างกองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามหลักธรรมาภิบาล พัฒนาระบบงานให้สอดคล้องกับยุคปัจจุบัน และการใช้จ่ายงบให้เป็นไปตามข้อกำหนด และการสนับสนุนงานรัฐบาล เช่น การประชุมเอเปค 2022 การจัดพิธีน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคต 13 ตุลาคม และการช่วยเหลือประชาชนจากสาธารณภัยต่าง ๆ ร่วมกับสาธารณภัยและเอกชน
เมื่อถามถึงการพัฒนายุทโธปกรณ์และด้านต่าง ๆ ภายใต้งบประมาณที่จำกัดพล.อ.เฉลิมพล กล่าวว่า แนวทางของกองทัพคือการดำรงสภาพและการเสริมสร้างยุทโธปกรณ์ กองทัพตระหนักถึงความจำเป็นในการใช้จ่ายของประเทศในด้านอื่น ๆ อีกมาก ที่เกี่ยวกับการดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน แต่ในด้านการทหารก็มีความจำเป็นเช่นเดียวกัน ในการดำรงสภาพความพร้อมให้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะยุทโธปกรณ์ที่มีค่าใช้จ่ายสูง
“กองทัพมีแผนงานดำรงสภาพและเสริมสร้าง ทั้งยุทโธปกรณ์และกำลังพลให้มีความพร้อมปฏิบัติการได้ เพราะการปฏิบัติการด้านทหาร จำเป็นต้องใช้เวลาในการเตรียมการด้านการสร้างคน เพื่อให้กำลังพลแต่ละนายมีความพร้อมและมีประสิทธิภาพยืนยันว่ากองทัพจะปฏิบัติภายใต้กรอบของงบประมาณให้มีประสิทธิภาพสูงสุด หากงบประมาณไม่เพียงพอ จะกำหนดเป็นงานเร่งด่วนเพื่อดูแลประชาชน” ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าว.-สำนักข่าวไทย