ทำเนียบฯ 21 เม.ย.-“วิษณุ” ยันคำสั่ง คสช.ให้งดเว้นการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เป็นการยกเลิกคำสั่งทั้งหมดในส่วนขององค์กรอื่น ย้ำไม่กระทบการทำงาน และไม่ใช่การยืดเวลา เพื่อสืบทอดอำนาจ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 24/2560 ลงวันที่ 20 เมษายน 2560 ให้งดเว้นการคัดเลือกหรือสรรหาบุคคล ให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 23/2560 ลงวันที่ 5 เมษายน 2560 เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาความต่อเนื่องของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ จนกว่าจะมี พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งออกตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ใช้บังคับ หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ว่า เป็นการยกเลิกคำสั่งในส่วนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้เป็นการยกเลิกคำสั่งทั้งหมดในส่วนขององค์กรอื่น
นายวิษณุ กล่าวว่า เมื่อองค์กรอื่นมีตำแหน่งที่ว่างลง สามารถสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งแทนได้ และกฎหมายก็กำหนดให้มีผู้รักษาการได้ แต่ในกรณีของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กฎหมายไม่ได้กำหนดให้มีผู้รักษาการได้ จึงมีความเป็นห่วง เนื่องจากองค์ประกอบของศาลรัฐธรรมนูญไม่เหมือนองค์กรอื่น ที่สามารถเปิดรับบุคคลอื่นเข้ามาดำรงตำแหน่งได้เลย เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะต้องมาจากการพิจารณาขององค์ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ที่คัดเลือกและส่งมาให้คณะกรรมการสรรหาบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งส่วนหนึ่ง และอีกส่วนเป็นการคัดเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดรวมกับการเปิดรับสมัครผู้ที่มีความรู้ในด้านรัฐศาสตร์ และผู้ทรงคุณวุฒิด้านนิติศาสตร์ เพื่อนำรายชื่อของผู้ที่มีความเหมาะสมให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาให้ความเห็นชอบ
นายวิษณุ กล่าวว่า ในคำสั่ง คสช.เดิม กำหนดกรอบเวลาการสรรหาไว้ 60 วัน ซึ่งเกรงว่าจะเกิดปัญหา กรณีที่ศาลอาจมีข้อจำกัดในเรื่องการคัดเลือกตัวบุคคล หากรอเวลาออกไป จะทำให้มีตัวเลือกมากขึ้น และยืนยันว่า กระบวนการทั้งหมดจะไม่กระทบกับการทำงานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และภายหลังที่มีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยเรื่องดังกล่าวแล้ว จึงค่อยทำตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนด
“การที่มีคำสั่ง คสช.ฉบับใหม่ออกมา ไม่ใช่เพื่อเป็นการยืดเวลา และหวังสืบทอดอำนาจผ่านตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามที่ฝ่ายการเมืองกล่าวหา เรื่องนี้ขึ้นอยู่ที่มุมมองของแต่ละฝ่าย” นายวิษณุ กล่าว .- สำนักข่าวไทย