ประจวบคีรีขันธ์ 20 เม.ย.- ที่ปรึกษา สบ.10 ลงประจวบฯ ดูที่เกิดเหตุไฟไหม้บ้านเผายกครัว 3 ศพที่สามร้อยยอดเมื่อคืนก่อน พบหลักฐานปลอกกระสุนปืน คาดเป็นฆาตกรรมอำพรางก่อนเผา ส่วนการจับกุม “ใหญ่ ดอนยายหนู” ยังให้การภาคเสธ
กรณีไฟไหม้บ้านพักบริเวณบ่อบำบัดน้ำเสีย หมู่ 7 ต.ศาลาลัย เมื่อคืนวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 3 ราย คือ นายสำราญ เพชรประดับ อายุ 40 ปี เจ้าของบ้าน น.ส.รุ้งทิพย์ สายทอง อายุ 38 ปี ภรรยา และลูกสาว อายุ 1 ขวบ ซึ่งญาติสงสัยในประเด็นฆาตกรรมอำพราง และนำศพไปตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจนั้น
เมื่อเวลา 14.00 น. (20 เม.ย.) พล.ต.อ.สุวิระ ทรงเมตตา ที่ปรึกษา สบ.10 พร้อม พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ต. ประเสริฐ ศิริพรรณาภิรัตน์ รักษาการ ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ประชุมทีมสอบสวนที่ สภ.สามร้อยยอด ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นได้นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. จำนวน 3 ปลอก และหัวกระสุนตกอยู่บนพื้นบ้าน รวมทั้งบริเวณฝาผนังบ้านอิฐบล็อกมีร่องรอยของกระสุน นอกจากนี้ ยังได้ตรวจสอบบริเวณบ่อกุ้ง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 20 เมตร ทางทิศตะวันออก พบถังน้ำมันโซล่าขนาด 200 ลิตร จำนวน 3 ถัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจเก็บลายนิ้วมือแฝงจากปั๊มหลอดของถังน้ำมันดังกล่าว สันนิษฐานว่าหลังจากผู้ก่อเหตุได้ลงมือฆ่าแล้ว ได้ใช้น้ำมันราดก่อนวางเพลิง
พล.ต.อ.สุวิระ กล่าวว่า การคลี่คลายคดีมีความคืบหน้ามากขึ้น เชื่อว่าเป็นฆาตกรรมก่อนเผาอำพรางไม่ใช่ไฟฟ้าลัดวงจร คาดว่าผู้ก่อเหตุมีมากกว่า 1 คน และไม่ช้าจะตัวมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน
ด้าน พล.ต.ต. ประเสริฐ กล่าวถึงการจับกุมนายนิพนธ์ ช้างแก้ว หรือ ใหญ่ ดอนยายหนู อายุ 38 ปี ว่า ชุดสืบสวนสอบสวนภูธรจังหวัดได้สนธิกำลังปิดล้อมไร่สับปะรดบ้านไร่บน ต.หาดขาม อ.กุยบุรี เมื่อคืนที่ผ่านมา และจับกุมนายนิพนธ์ ตามหมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง เนื่องจากก่อนเกิดเหตุเผาบ้านตำรวจ สภ.สามร้อยยอด ได้เข้าค้นเพิงพักภายในนากุ้งห่างจากบ้านเกิดเหตุ 50 เมตร ซึ่งนายนิพนธ์ได้ทิ้งปืนพกขนาด 11 มม.ไว้แล้วหลบหนีไป เบื้องต้นคาดว่าอาจมีส่วนพัวพันคดีเผาบ้านพัก เนื่องจากสืบทราบว่านายนิพนธ์ เคยมีปากเสียงกับ น.ส.รุ้งทิพย์ ก่อนบ้านพักถูกเผา แต่นายนิพนธ์ ยังให้การภาคเสธ ซึ่งต้องรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์จากการชันสูตรศพที่สถาบันนิติเวช เพื่อนำมาหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไป.-สำนักข่าวไทย