กรุงเทพ 23 ก.ย. – “พิจารณ์” ลั่นพรรคก้าวไกลจัดทัพ ส.ส. พร้อมแล้วสำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นตามที่ กกต. วางไทม์ไลน์ ช่วงวันที่ 7 พฤษภาคม 2566
นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความพร้อมการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นตามที่ กกต. ได้วางไทม์ไลน์วันเลือกตั้งช่วงวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 ว่าพรรคก้าวไกลมีความพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง ทั้งตามกรอบเวลาที่ กกต. กำหนด และในกรณีที่เกิดการยุบสภาฯ ก่อนกรอบเวลา
พรรคก้าวไกลเห็นว่าสิ่งที่จะเป็นอุปสรรคสำหรับทุกพรรคการเมืองคือ การออกกฎเกณฑ์ของ กกต. ในกรณี 180 วัน ก่อนการครบวาระของสภาฯ ชุดปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าจะเป็นการกำหนดกรอบอย่างกว้าง แต่จะส่งผลต่อการทำหน้าที่ของผู้สมัครในเขตต่างๆ ในการจัดกิจกรรม โดยเฉพาะสำหรับพรรคก้าวไกล ที่ต้องการสร้างพรรคการเมืองจากการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งทางพรรคก้าวไกลกำลังเฝ้ารอว่าหลักเกณฑ์ที่ กกต. จะออกมาเร็วๆ นี้ จะมีความชัดเจนและนำไปสู่การปฏิบัติอย่างไร
ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองเกี่ยวกับการวินิจฉัยวาระนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายพิจารณ์ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ จะกลับมาในฐานะนายกรัฐมนตรีรักษาการ ซึ่งจะยังคงมีอำนาจในการยุบสภาฯ ด้วย ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดการยุบสภาฯ ก่อนกำหนด
อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลตอนนี้มีแผนสำหรับทุกกรณีอยู่แล้ว รวมถึงการเตรียมผู้สมัครทั้งแบบเขต 400 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน ตามที่พรรคก้าวไกลได้รับฟังความคิดเห็นมาจากสมาชิกพรรคและประชาชนผ่านแคมเปญ “ก้าวไกล NEXT” ซึ่งประชาชนแทบทุกคนล้วนให้น้ำหนักและเรียกร้องให้พรรคต้องคัดเลือกผู้สมัครที่มีอุดมการณ์และความฝันยึดโยงร่วมกับพรรค เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด “งูเห่า” ขึ้นมาอีก
ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีความพยายามปรับตัวเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งเช่นกันนั้น นายพิจารณ์ ระบุว่า ไม่น่าจะสามารถเรียกคืนความเชื่อมั่นจากประชาชนกลับมาได้อีกแล้ว เมื่อเทียบกับผลงานที่ผ่านมาในการเป็นแกนนำรัฐบาล ดังจะเห็นได้จากการเลือกตั้งซ่อมและการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่ผ่านมา ที่สะท้อนความนิยมที่ตกต่ำลงของพรรค และการเลือกตั้งรอบนี้จะเป็นการพิพากษาโดยประชาชน ที่จะบอกว่าประเทศนี้ไม่ต้องการให้พรรคการเมืองเฉพาะกิจเพื่อการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารมีอำนาจอีกแล้ว
นายพิจารณ์ กล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลมองการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนรัฐบาล แต่คือการเปลี่ยนประเทศ พรรคก้าวไกลไม่ได้ต้องการเพียงอำนาจและจำนวน ส.ส. ในสภาฯ กระบวนการคัดสรรผู้สมัครของพรรคก็มีเป้าหมายเพื่อให้ ส.ส. เป็นตัวแทนแห่งความเปลี่ยนแปลง ไม่ทรยศต่อเสียงของประชาชน และจะเข้าไปยืนยันผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง อย่างที่พรรคก้าวไกลทำมาตลอดในการขับเคลื่อนภายใต้เส้นแบ่งที่ชัดเจน ระหว่างผลประโยชน์ของกลุ่มทุนและความนิยมทางการเมือง กับหลักการและผลประโยชน์ของประชาชน เช่น ในกรณีของ พ.ร.บ. สุราก้าวหน้า และกฎหมายสมรสเท่าเทียม ในระยะแรกที่มีการเสนอโดยพรรคอนาคตใหม่เดิม จะเห็นว่ามีความเห็นต่างในสังคมเกิดขึ้นมาก แต่พรรคก้าวไกลยังคงยืนยันในหลักการและผลักดันร่างกฎหมายทั้งสองฉบับนี้เรื่อยมาจนถึงวันนี้ จนทำให้เกิดการปักธงความคิดในสังคมเป็นผลสำเร็จ หากการเลือกตั้งรอบนี้พรรคก้าวไกลได้อำนาจมากกว่าการเป็นฝ่ายค้าน หรือมีที่นั่งในสภาฯ มากพอ เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศให้ก้าวไกลไปได้มากกว่านี้แน่นอน เมื่อประกอบกับการที่พรรคก้าวไกลพยายามผลักดันให้เกิดการเลือกตั้งขึ้นพร้อมกับการประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน หากเกิดขึ้นได้จริงจะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการพลิกโฉมอนาคตของประเทศไทย มากกว่าเพียงการเปลี่ยนรัฐบาลอย่างแน่นอน
“พรรคก้าวไกลพร้อมที่จะเป็นรัฐบาล และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ในอนาคตอันใกล้นี้เราจะมีการนำเสนอชุดนโยบายต่างๆ ออกมา ทั้งนโยบายที่มุ่งแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่เสนอมาตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ และชุดนโยบายเพื่อแก้ปัญหาระยะสั้นและระยะกลาง เพื่อตอบโจทย์สถานการณ์ทั้งการเมือง สังคม และเศรษฐกิจในขณะนี้” นายพิจารณ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย