นนทบุรี 13 เม.ย. – อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเร่งชี้แจงใช้มาตรา 44 จัดการงานสิทธิบัตรค้างหลายปี ไม่ทำให้ราคายาสูงขึ้น ย้ำมีหลายหน่วยงานกำกับและดูแล แต่หากเห็นว่าราคายาแพงร้องให้มีการตรวจสอบและคัดค้านได้
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวถึงกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (FTA Watch) ออกมาระบุว่ากรณีที่รัฐบาลเตรียมออกคำสั่งตามมาตรา 44 เพื่อเร่งออกสิทธิบัตรยา จะส่งผลให้เกิดการผูกขาดตลาดยา ทำให้ยามีราคาแพงมาก และกระทบต่องบประมาณด้านสาธารณสุขวงกว้างนั้น กรมทรัพย์สินทางปัญญาขอชี้แจงถึงเหตุผลและความจำเป็นต่อกรณีดังกล่าว คือ เนื่องจากประเทศไทยมีปริมาณการยื่นคำขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี ส่งผลให้มีปริมาณงานค้างสะสมจำนวนมาก ทำให้การดำเนินการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาเกิดความล่าช้า
นายทศพล กล่าวว่า รัฐบาลเห็นความสำคัญจึงสนับสนุนทั้งการเพิ่มบุคลากรผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรอีก 72 คน และงบประมาณพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ยื่นขอจดทะเบียน ซึ่งเหตุที่ทำให้การจดทะเบียนสิทธิบัตรล่าช้า เกิดจากปัญหาด้านอัตรากำลังของผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรของกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่มีจำกัด ทำให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการที่มายื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรได้อย่างรวดเร็ว โดยในรอบ 20 ปีที่ผ่านมากรมทรัพย์สินทางปัญญามีอัตรากำลังผู้ตรวจสอบเพียง 24 คน ขณะที่มีปริมาณคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรมากถึงปีละ 9,000 คำขอ ส่งผลให้เกิดงานค้างสะสมสูงถึง 36,000 คำขอ และในจำนวนนี้เป็นคำขอที่ยื่นมาเกินกว่า 5 ปีมากถึง 12,000 คำขอ
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการตรวจสอบสิทธิบัตรการประดิษฐ์ล่าช้า ดังนั้น มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการจดทะเบียนสิทธิบัตรโดยอาศัยอำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฯ ที่จะนำมาใช้นี้เป็นมาตรการที่เรียกว่า “การตรวจสอบการประดิษฐ์แบบทางเลือก” ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการแลกเปลี่ยนผลการตรวจสอบระหว่างสำนักงานที่ใช้ในหลายประเทศ หรือ “Work Sharing” เพื่อสะสางงานค้างสะสมที่ยื่นมาแล้วเกินกว่า 5 ปี โดยเป็นมาตรการทางเลือกชั่วคราว ลดขั้นตอนการตรวจสอบซ้ำซ้อนกับสำนักงานสิทธิบัตรต่างประเทศ ส่งผลให้ผู้ตรวจสอบสิทธิบัตรของกรมฯ สามารถตรวจสอบสิทธิบัตรได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการใช้มาตรการนี้ยังคงต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบอื่น ๆ ตามกฎหมายไทย และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการออกสิทธิบัตรตามมาตรการดังกล่าว นอกจากนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะเพิ่มช่องทางสำหรับการร้องขอให้ตรวจสอบการประดิษฐ์ใหม่ที่เปิดโอกาสให้สาธารณชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการออกสิทธิบัตร โดยเชิญคณะผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินทางปัญญาและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นผู้พิจารณา เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นกลาง
ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับราคายานั้น อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า ยังมีกลไกสร้างความสมดุลระหว่างระบบสิทธิบัตรกับระบบสุขภาพของประเทศต้องอาศัยการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งการที่ยามีราคาสูงขึ้นเกิดจากปัจจัยแวดล้อมหลายประการ เช่น ต้นทุนทางการตลาด และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น ซึ่งการใช้สิทธิ์ในสิทธิบัตรนั้นจะต้องไม่นำไปสู่ความไม่เป็นธรรมทางการค้าหรือเอาเปรียบผู้บริโภคและมีกลไกการกำกับดูแลราคายาปัจจุบันมีหลายมาตรการ เช่น กลไกการต่อรองราคายาและการกำหนดราคากลางของยาของกระทรวงสาธารณสุข หรือกลไกการควบคุมราคาสินค้าและบริการโดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ของกรมการค้าภายใน
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวเป็นการใช้บังคับเพียงชั่วคราวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และไม่มีเจตนาออกมาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ชาติใด หรือเลือกปฏิบัติกับฝ่ายใดเป็นพิเศษ เนื่องจากการพิจารณารับจดทะเบียนสิทธิบัตร กรมทรัพย์สินทางปัญญายึดมั่นพิจารณาตามหลักกฎหมายและหลักวิชาการตามมาตรฐานสากล ด้วยความเป็นธรรม เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ สอดรับกับนโยบายการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่ประเทศไทย 4.0 ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบเศรษฐกิจที่เน้นคุณค่าและการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาเป็นต้น.-สำนักข่าวไทย