TNA News-Now-Next: จับตาเลือกตั้งแคนาดาเพื่อรับมือทรัมป์

Mark Carney announces dissolution of the Parliamentคาร์นีย์ประกาศยุบสภา

ออตตาวา 25 มี.ค. – นายมาร์ค คาร์นีย์ ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา ประกาศจัดเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนดในวันที่ 28 เมษายนนี้ เพื่อขออาณัติจากประชาชนรับมือมาตรการทางภาษีและภัยคุกคามด้านอธิปไตย จากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ


จากนักการเงินสู่นักการเมือง

นายคาร์นี วัย 60 ปี เป็นอดีตผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดาปี 2551-2556 และอดีตผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษปี 2556-2563 ถือเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษคนแรกที่ไม่ใช่คนอังกฤษ เขาไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองหรือการหาเสียงเลือกตั้งมาก่อน แต่ได้ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเสรีนิยม ที่เป็นพรรครัฐบาลแคนาดา และสาบานตนเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่เมื่อวันที่ 14 มีนาคม หลังจากรัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มข่มขู่คุกคามแคนาดาทั้งการใช้มาตรการทางภาษี และประกาศเจตจำนงต้องการให้แคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐ สอดคล้องกับช่วงเวลาที่นายจัสติน ทรูโด กำลังเผชิญแรงเสียดทานทางการเมืองภายในประเทศ ต้องยอมลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรครัฐบาล และก้าวลงจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในที่สุด


Mark Carney takes oath as Canada PM
คาร์นีย์สาบานตนรับตำแหน่ง

แต่เมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา นายคาร์นีย์ประกาศยุบสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนด ที่จะมีขึ้นอย่างรวดเร็วในวันที่ 28 เมษายนนี้ หรืออีกเพียง 5 สัปดาห์ จากกำหนดเลือกตั้งเดิม คือวันที่ 20 ตุลาคม เพื่อต้องการอาณัติที่แข็งแกร่งจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในการรับมือกับภัยคุกคามจากมาตรการทางภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐ ที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจของแคนาดา และระบุว่า แคนาดากำลังเผชิญวิกฤติสำคัญที่สุดในช่วงอายุของทุกคนในประเทศ เพราะมาตรการและนโยบายที่ไม่ยุติธรรมของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังเป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยของแคนาดา

ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

การเลือกตั้งทั่วไปของแคนาดาไม่แตกต่างจากการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ ที่มีผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ได้ไปหย่อนบัตรเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี แต่เลือกพรรคการเมืองที่ตนเองชื่นชอบที่สุด พรรคใดที่ได้ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าพรรคนั้นก็จะได้ครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรี


นั่นทำให้การเลือกตั้งทั่วไปรอบนี้ นายคาร์นีย์จะต้องแข่งขันกับหัวหน้าพรรคการเมืองสำคัญอีก 2 พรรค คือ นายปิแอร์ พอลิเอฟ (Pierre Poilievre) วัย 53 ปี หัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม ที่เป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก และ จักมีต ซิงห์ (Jagmeet Singh) วัย 46 ปี หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ (New Democratic Party) ส่วนพรรคการเมืองสำคัญอีกพรรค คือ บล็อก กีเบกัวซ์ (Bloc Quebecois) ส่งผู้สมัครลงชิงชัยเฉพาะในรัฐควิเบก (Quebec) ที่ประชากรส่วนใหญ่พูดภาษาฝรั่งเศสเท่านั้น

Pierre Poilievre Canada’s Conservative Party leader
ปิแอร์ พอลิเอฟ
Jagmeet Singh Canada's the NDP party leader
จักมีต ซิงห์

ปัจจุบัน พรรคเสรีนิยม ซึ่งครองอำนาจบริหารประเทศตั้งแต่ชนะเลือกตั้งในปี 2558 ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน คือ 153 ที่นั่ง ตามด้วยพรรคอนุรักษนิยม 120 ที่นั่ง พรรคบล็อก กีเบกัวซ์ มี 33 ที่นั่ง และพรรคประชาธิปไตยใหม่ 24 ที่นั่ง นอกจากนั้น ยังมีพรรคกรีนมีที่นั่งในสภา 2 ที่นั่ง ผู้สมัครอิสระ 3 ที่นั่ง และว่างอีก 3 ที่นั่ง รวมทั้งหมด 338 ที่นั่ง แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จำนวน สส.จะเพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งปี 2564 อีก 5 ที่นั่งรวมเป็น 343 ที่นั่งตามจำนวนประชากรชาวแคนาดาที่เพิ่มขึ้น

พรรครัฐบาลตีตื้นนำพรรคฝ่ายค้าน

การประกาศเลือกตั้งล่วงหน้าครั้งนี้ ทำให้นายคาร์นีย์มีเวลาเพียง 5 สัปดาห์เท่านั้นในการหาเสียงเพื่อเอาชนะใจชาวแคนาดา ขณะที่ผลสำรวจคะแนนนิยมจาก 2 กลุ่มจัดทำโพลสำรวจ  พรรคเสรีนิยมของคาร์นีย์พลิกกลับมามีคะแนนนิยมนำหน้าพรรคอนุรักษนิยมเล็กน้อย คือร้อยละ 37.5 ต่อร้อยละ 37.1 หลังจากมีคะแนนนิยมตามหลังมาโดยตลอด ส่วนหนึ่งมาจากการประกาศลาออกจากตำแหน่งของทรูโดนั่นเอง บรรษัทกระจายเสียงแห่งชาติของแคนาดา หรือ CBC ระบุว่า ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี ที่พรรคเสรีนิยมกลับมามีคะแนนนิยมในหมู่ประชาชนมากกว่าพรรคอนุรักษนิยม แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา พรรคอนุรักษนิยมจะยังพยายามโจมตีคาร์นีย์ว่า เป็นพวกชนชั้นนำที่มีแผนผลักดันนโยบายเดิม ๆ ในยุคของทรูโด ที่เน้นการใช้จ่ายภาครัฐบาลในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง

ทรัมป์คือปัจจัยหลักพลิกฟื้นพรรคเสรีนิยม

นโยบายอเมริกาต้องมาก่อน ตามแนวทางอนุรักษนิยมของทรัมป์ ที่จริงเข้าคู่กันได้ดีในฐานะพันธมิตรทางอุดมการณ์กับพรรคอนุรักษนิยมของแคนาดาที่มีคำขวัญเลือกตั้งตรงกัน คือ Canada First แม้ว่าของแคนาดาจะพ่วงด้วย For Change หรือ “แคนาดาต้องมาก่อน เพื่อการเปลี่ยนแปลง”

รีพับลิกันของทรัมป์กับอนุรักษนิยมของพอลิเอฟ ควรเป็นคู่หูโดยธรรมชาติ แต่ด้วยกระแสต้านทรัมป์ในแคนาดา การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น ตั้งแต่ปลายสมัยของนายจัสติน ทรูโด ที่ได้ต่อกรกับนายทรัมป์ ทำให้คะแนนนิยมของตัวเองและของพรรคเสรีนิยมก็กระเตื้องขึ้นมาตามลำดับ ตามการโต้กลับทรัมป์ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ

ปรากฎการณ์ทรัมป์กับการเลือกตั้งแคนาดา

เมื่อนักข่าวถามว่า คิดอย่างไรเมื่อพันธมิตรอนุรักษ์นิยมในแคนาดาต้องเพลี่ยงพล้ำ ทรัมป์ตอบว่า “ไม่สำคัญอะไร คุยกับเสรีนิยมง่ายกว่าเสียอีก” นั่นยิ่งทำให้เสริมส่งเสรีนิยมมากขึ้นไปอีก

ตั้งแต่ชนะเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคเสรีนิยม สาบานตนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและประกาศเลือกตั้ง นายคาร์นีย์ประกาศในทุกโอกาสว่า ชาวแคนาดาต้องร่วมมือสู้ศึกใหญ่กับนายทรัมป์  

Canadians sound off as they protest U.S. tariffs
ชาวแคนาดาประท้วงทรัมป์

กระแสต้านทรัมป์ในแคนาดาจึงเป็นกระแสการเมืองที่ทรงพลัง เพราะชาวแคนาดาตกเป็นเป้าหมายของทรัมป์ ใช้มาตรการภาษีนำเข้า กล่าวหาว่าเอาเปรียบการค้า แหล่งยาเสพติด ถึงขั้นจะยึดแคนาดามาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา  เลือดชาตินิยมในแคนาดาสูบฉีดแรง ในแทบทุกเวที ไม่ว่าจะเป็นเวทีประชันกีฬา เวทีการค้า เวทีการเมือง

แม้ว่า พรรคอนุรักษนิยมของแคนาดาจะประกาศจุดยืนต่อต้านทรัมป์  ยังต้องพิสูจน์อีกมาว่าทางพรรคจะวางตัวอย่างไรให้ถอยห่างจากทรัมป์ นโยบาย Canada First จะแตกต่างหรือทัดทาน America First ของนายทรัมป์ได้อย่างไร  

Final Thoughts: ปากท้องกับเกียรติภูมิชาติ ภารกิจของรัฐบาลหลังเลือกตั้ง

แน่นอนว่า ประเด็นเลือกตั้งที่ชาวแคนาดาให้ความสนใจมากคือปัญหาปากท้องเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยเฉพาะราคาบ้านและการดูแลสุขภาพที่แพงขึ้น แต่ปัจจัยทรัมป์กำลังมาแรงแซงขึ้นมาเบียด ทำให้ชาวแคนาดาจะพิเคราะห์กันว่า รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะดำเนินมาตรการเพื่อรับมือภัยคุกคามจากรัฐบาลสหรัฐของทรัมป์อย่างไร เมื่อประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดที่กำลังกลายเป็นคู่ปรับจากนโยบายรีดภาษีสินค้านำเข้า และความทะเยอทะยานที่จะผนวกแคนาดาเข้าเป็นรัฐที่ 51 ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวแคนาดาทุกคนไม่มีทางยอมให้เกิดขึ้น (และไม่มีทางเกิดขึ้นในโลกความเป็นจริง) หลังการเลือกตั้ง 28 เมษายนนี้ รัฐบาลใหม่แคนาดาที่จะเกิดขึ้นจะต้องพิสูจน์ฝีมือว่าจะรับมือทรัมป์ที่คุกคามอธิปไตยของตนและรับมือกับแรงกดดันอย่างไร หากโต้กลับได้อย่างถึงพริกถึงขิงได้เหลี่ยมได้เชิงก็จะกลายเป็นแต้มต่อสำคัญทางการเมือง ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อยก็เอาใจช่วยแคนาดาอยู่เช่นกัน .-815(812).-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

ตร.แจ้ง 2 ข้อหามือมีดทำร้าย “เป๊ก” คาดปมเข้าใจผิด

3 ส.ค.- ตำรวจ สน.หัวหมาก แจ้ง 2 ข้อหา หนุ่มวัย 21 ใช้มีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” นักร้องชื่อดัง บาดเจ็บที่คางเป็นแผลฉกรรจ์ อ้างถูกหาเรื่องก่อน เบื้องต้นคาดปมเข้าใจผิด จ่อสอบปากคำเพิ่มเติม เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 3 ส.ค.68 ร.ต.อ.ชัยนรินทร์ กวีพราหมณ์ รอง.สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธมีด มีผู้บาดเจ็บ ภายในปั๊มน้ำมัน ซอยรามคำแหง 76 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมกำลังสายตรวจฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.หัวหมาก และอาสามูลนิธิสยามร่วมใจปู่อินทร์ ที่เกิดเหตุอยู่ภายในปั๊มน้ำมัน พบร่างนายผลิตโชค หรือ เป๊ก อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง มีบาดแผลฉกรรจ์ถูกอาวุธมีดฟันเข้าที่บริเวณใต้คาง 1 แผล ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงเร่งทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเร่งนำตัวส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลสมิติเวช ส่วนผู้ก่อเหตุไม่หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ […]

เฝ้าระวังตลอดคืน พบโดรนปริศนาบินล้ำเขตแดนอรัญฯ

สระแก้ว 3 ส.ค.- พบโดรนปริศนาไม่ทราบฝ่ายบินล้ำแดนจากกัมพูชาเข้ามาในไทย ชาวบ้าน-ชรบ.ในพื้นที่อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เฝ้าระวังตลอดทั้งคืน คืนที่ผ่านมา เวลา 21.00 น. ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยจุดที่ทีมข่าวเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างจากแนวชายแดนเพียง 2 กิโลเมตร บรรยากาศในพื้นที่ขณะนั้นมีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ออกมาคอยเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับแจ้งว่าอาจมีโดรนปริศนาเข้ามาในพื้นที่ ระหว่างที่ทีมข่าวกำลังสัมภาษณ์พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ พบโดรนลำหนึ่งบินเข้ามาจากเขตชายแดนฝั่งกัมพูชา ล้ำเข้ามาในอาณาเขตประเทศไทยลึกประมาณ 2 กิโลเมตร ขณะที่โดรนลำนั้นลอยอยู่เหนือพื้นที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ใช้ไฟสปอร์ตไลต์กำลังแรงสูงร่วมกับแสงเลเซอร์จากอุปกรณ์ของทหาร ส่องไปยังโดรนปริศนาอย่างชัดเจน ทำให้เห็นลำตัวของโดรนแม้อยู่ในความมืด สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่มีการเปิดเผยว่าโดรนลำนั้นมีเป้าหมายใดหรือเป็นของฝ่ายใด ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงยังคงเพิ่มมาตรการตรวจตราและเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดหรือภัยคุกคามความมั่นคงในพื้นที่ -สำนักข่าวไทย