TNA News-Now-Next: ไต้หวันกับแผ่นดินไหว หนีไม่พ้นแต่ต้องอยู่ให้ได้

ฮวาเหลียน 5 เม.ย.- แผ่นดินไหวในไต้หวันเมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมาถือว่าเป็นแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 25 ปีของไต้หวัน หลายคนแปลกใจที่ตัวเลขคนเสียชีวิตและความเสียหายไม่มากอย่างที่คิด ทั้งที่แผ่นดินไหวมีขนาดใหญ่และศูนย์กลางไม่ลึก สะท้อนถึงสิ่งที่ไต้หวันได้เรียนรู้และดำเนินการเพื่อให้สามารถอยู่กับแผ่นดินไหวอย่างปลอดภัย


ตั้งอยู่บนจุดเสี่ยงเกิดแผ่นดินไหว

แผ่นดินไหวเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยกับไต้หวันที่มีคนอาศัยอยู่ประมาณ 23 ล้านคน เพราะสภาพภูมิประเทศตั้งอยู่บนแนว “วงแหวนแห่งไฟ” หรือ Ring of Fire เป็นพื้นที่ที่ทอดตัวเป็นแนวรูปเกือกม้าบนแผ่นเปลือกโลกใต้มหาสมุทรแปซิฟิก มีความยาวประมาณ 40,000 กิโลเมตร และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดทั่วโลก


เครดิตภาพ: Gringer (talk)

ไต้หวันตั้งอยู่บนรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก 2 แผ่นคือ แผ่นทะเลฟิลิปปินส์กับแผ่นเปลือกโลกยูเรเชีย จึงเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวเป็นพิเศษ เพราะแรงอัดสะสมของแผ่นเปลือกโลกทั้ง 2 แผ่นพร้อมจะปลดปล่อยแรงอัดออกมาในรูปของแผ่นดินไหวได้ตลอดเวลา รอยต่อที่ว่านี้ส่วนใหญ่อยู่ทางชายฝั่งตะวันออกของไต้หวัน ซึ่งเป็นจุดที่คนนิยมมาท่องเที่ยว เพราะมีทั้งเทือกเขา น้ำพุร้อน และธรรมชาติที่สวยงาม และด้วยความที่ภูมิประเทศเป็นเทือกเขา เวลาเกิดแผ่นดินไหว จึงทำให้ดินถล่ม ก้อนหินขนาดใหญ่และเศษดินจำนวนมากร่วงหล่นลงมาสร้างความเสียหายให้กับอุโมงค์และทางหลวงที่อยู่ด้านล่าง 

เครดิตภาพ: Hualien County Fire Department
หินถล่มที่เกาะเต่าหรือเกาะกุยซาน

ตามข้อมูลของสำนักงานสํารวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐหรือ USGS นับตั้งแต่ปี 2523 เป็นต้นมาไต้หวันและบริเวณน่านน้ำโดยรอบเกิดแผ่นดินไหวที่มีขนาดตั้งแต่ 4.0 ขึ้นไปราว 2,000 ครั้ง ส่วนแผ่นดินไหวที่มีขนาดตั้งแต่ 5.5 ขึ้นไปเกิดขึ้นมากกว่า 100 ครั้ง

ไหวแรงแต่คนไม่แตกตื่น             


หน่วยงานตรวจสอบแผ่นดินไหวของไต้หวันแจ้งตัวเลขแผ่นดินไหวเมื่อวันพุธว่ามีขนาด 7.2  ขณะที่ USGS แจ้งว่ามีขนาด 7.4  สร้างความเสียหายให้กับอาคารหลายหลังในเทศมณฑลฮวาเหลียน แต่สร้างความเสียหายเพียงเล็กน้อยในกรุงไทเปที่เป็นเมืองหลวง แม้ว่ารับรู้แรงสั่นสะเทือนได้อย่างรุนแรง นอกจากนั้นแรงสั่นสะเทือนยังส่งไปถึงจีนและญี่ปุ่นด้วย

ยอดผู้เสียชีวิตหลังจากแผ่นดินไหวผ่านไป 2 วันคือวันนี้ 5 เมษายนอยู่ที่ 12 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 1,000 คน มีอาคารบ้านเรือนและถนนเสียหาย บริการขนส่งสาธารณะหยุดชะงัก แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนตอนเช้า แต่ก็ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของชาวไต้หวันเพียงเล็กน้อย เพราะหลังจากนั้นไม่กี่นาทีวิถีชีวิตของชาวไต้หวันก็กลับสู่สภาวะปกติ ผู้ปกครองพาลูกหลานไปส่งที่โรงเรียน ผู้คนยังคงสัญจรไปมาตามท้องถนนและเดินทางไปทำงานได้ตามปกติ

เตรียมพร้อมในทุกด้าน

ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวยกย่องให้การเตรียมพร้อมรับมือกับแผ่นดินไหวของไต้หวันมีความก้าวหน้าที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยใช้ทั้งเทคโนโลยี กฎหมาย และการฝึกซ้อมมาใช้ร่วมกัน

เทคโนโลยีการสร้างอาคารให้ทนต่อแรงสั่นไหว

หลายบริษัทในไต้หวันใช้วัสดุก่อสร้างที่ทนต่อสภาพแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหว ควบคู่ไปกับการที่ทางการใช้บทบัญญญัติด้านอาคารมาควบคุมการก่อสร้างอาคารอย่างเคร่งครัด ปรับปรุงกฏระเบียบและข้อบังคับสําหรับอาคารใหม่และอาคารที่มีอยู่เป็นประจำแม้ว่าจะทำให้ต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังให้เงินอุดหนุนแก่ผู้อยู่อาศัยที่ต้องการตรวจสอบความต้านทานแผ่นดินไหวของอาคารที่พักอาศัยของตนด้วย

ในปี 2559 หลังจากเกิดแผ่นดินไหวที่เมืองไถหนานทางชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของไต้หวันจนทำให้อาคารที่พักอาศัยสูง 17 ชั้นพังทลายลงมาและมีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน ศาลได้ตัดสินจําคุกคน 5 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารในความผิดฐานประมาทเลินเล่อ

ขณะเดียวกันก็มีการรณรงค์ให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเอาตัวรอดจากแผ่นดินไหวได้อย่างปลอดภัย มีการฝึกซ้อมรับมือแผ่นดินไหวทั้งในโรงเรียนและสำนักงานอย่างสม่ำเสมอ ด้านสื่อสาธารณะและผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนก็ให้ความร่วมมือด้วยการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการเกิดแผ่นดินไหวและการรับมืออย่างปลอดภัย กระทรวงกิจการดิจิทัลที่เพิ่งตั้งขึ้นในปี 2565ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลเรื่องเครือข่ายการสื่อสารให้ใช้งานได้ในช่วงที่เกิดแผ่นดินไหว โดยพบว่าแผ่นดินไหวครั้งล่าสุด เครือข่ายการสื่อสารโดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตแทบไม่ได้รับผลกระทบเลย

นอกจากนี้ไต้หวันยังจัดเตรียมหน่วยกู้ภัยไว้ตามเมืองและเทศมณฑลต่าง ๆ ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อตอบสนองต่อภัยพิบัติได้ทันที และมีการซ้อมป้องกันภัยพลเรือนประจำปีเพื่อรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ  มาตรการเหล่านี้ช่วยให้ไต้หวันสามารถรับมือกับแผ่นดินไหวได้อย่างมีนัยสําคัญรวมถึงช่วยบรรเทาความเสียหายรุนแรงและการสูญเสียชีวิต

จุดเปลี่ยนที่ทำให้เตรียมพร้อม

จุดเปลี่ยนที่ทำให้ไต้หวันหันมาใส่ใจเรื่องการเตรียมพร้อมรับมือกับแผ่นดินไหวอย่างจริงจังเกิดขึ้นเมื่อกว่า 20 ปีก่อน เป็นธรณีพิโรธครั้งเลวร้ายที่สุดในช่วงหลายสิบปีของไต้หวันที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2542 หรือที่เรียกกันว่า แผ่นดินไหว 921 (มาจากเดือน 9 วันที่ 21) แผ่นดินไหวขนาด  7.7 คร่าชีวิตผู้คนไปมาถึง 2,400 คน และบาดเจ็บอีกราว 100,000 คน รวมถึงอาคารหลายพันหลังที่พังเสียหาย เหตุการณ์ภัยพิบัติในครั้งนั้นทำให้รัฐบาลไต้หวันในเวลานั้นแก้ไขบทบัญญัติด้านอาคารและใช้กฎหมายจัดการภัยพิบัติอย่างเคร่งครัด จนกระทั่งได้รับการยกย่องว่ามีความเตรียมพร้อมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

TNA News-Now-Next: Final Thoughts

แผ่นดินไหวยังคงเป็นภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอีกหลายล้านปีข้างหน้า สิ่งที่เกิดขึ้นในไต้หวันเป็นตัวอย่างที่พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า คำว่า “ถอดบทเรียน” ที่แท้จริงคืออะไร

ไต้หวันได้เรียนรู้และดำเนินการปรับปรุง ปกป้อง และป้องกันอย่างจริงจังเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับแผ่นดินไหว โดยมีการเตรียมความพร้อมเป็นอาวุธหลักในการรับมือกับภัยธรรมชาติที่ไม่อาจคาดคะเนได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด.-818(814).-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

วิศวกรรมสถานฯ ห่วงดินอ่อนเสี่ยงขยายวง หลังถนนหน้า รพ.วชิรพยาบาล ทรุดตัว

กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – วิศวกรรมสถานฯ ตรวจสอบเหตุถนนทรุด หน้า รพ.วชิรพยาบาล เบื้องต้นพบยังมีน้ำรั่วซึม ทำให้ดินใต้ถนนอ่อนตัว มีโอกาสสไลด์เพิ่ม หากมีฝนตกลงมา นายธเนศ วีระศิริ ที่ปรึกษาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุผิวจราจรทรุดตัวบริเวณถนนหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ายังมีน้ำรั่วซึม ทำให้ดินใต้ถนนอ่อนตัวและมีโอกาสสไลด์เพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะหากมีฝนตกลงมา จะเพิ่มความเสี่ยงให้พื้นที่ไม่คงตัวมากขึ้น ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานเร่งหาทางปิดแหล่งน้ำที่รั่วซึม ทั้งจากท่อประปาและท่อระบายน้ำ ซึ่งยังมีน้ำไหลออกมาเป็นระยะ หากสามารถหยุดได้จะช่วยสร้างเสถียรภาพชั่วคราวให้กับดิน และลดโอกาสการขยายวงของการทรุดตัว พร้อมกันนี้มีการนำเครื่องมือสำรวจ เช่น 3D Scan มาช่วยวัดความกว้าง ความยาว และความลึกของหลุม เพื่อประเมินความปลอดภัยและแนวทางแก้ไขอย่างชัดเจน สำหรับอาคารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาล (สน.ใหม่) พบว่าเสาเข็มบางต้นหักหรือแตกร้าว ทำให้ต้องตรวจสอบรอยร้าวของโครงสร้างอาคารอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันอันตรายต่อประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ นายธเนศ เน้นย้ำว่า มาตรการสำคัญที่สุดในขณะนี้ คือการปิดกั้นพื้นที่เสี่ยงและไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าใกล้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้วิศวกรรมสถานฯ ได้เสนอแนวทางเบื้องต้น คือการควบคุมน้ำไม่ให้รั่วซึม การกั้นเขตพื้นที่เสี่ยง และการติดตามโครงสร้างอาคารโดยรอบอย่างต่อเนื่อง ก่อนประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่าพื้นที่จะกลับมาเสถียรและปลอดภัยเมื่อใด ด้านนายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณถนนทรุด […]

นายกฯ รุดตรวจถนนยุบ สั่งเร่งหาสาเหตุ คุมสถานการณ์ได้แล้ว

สามเสน 24 ก.ย.- นายกฯ รุดตรวจเหตุถนนสามเสนยุบตัว ขึ้นตึกวชิรพยาบาล ดูมุมสูง ชี้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว บอกไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่ทรัพย์สินเสียหาย ห่วง สน.สามเสน เสาเข็มขาด 2-3 ต้น ประสานโรงพยาบาลในเครือ รองรับผู้ป่วย มอบโยธารวบรวมผู้เชี่ยวชาญหาสาเหตุที่แท้จริง ด้าน รฟม. น้อมรับชดเชยค่าเสียหายทุกอย่าง ขณะผู้ว่าฯ กทม. สั่งเตรียมเครื่องสูบน้ำ หวั่นฝนถล่มซ้ำ กันประชาชนเข้าใกล้รัศมี 100 เมตร ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 10.35 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ถนนสามเสน บริเวณด้านหน้า โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รอรับและรายงานสถานการณ์ และการลงพื้นที่ครั้งนี้มี น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้บริหารกระทรวงคมนาคม นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายไชยชนก […]

สั่งหยุดก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง พื้นที่เกิดเหตุถนนทรุด

กรุงเทพ 24 ก.ย.- รฟม. สั่งการให้หยุดก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงในพื้นที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุถนนทรุดตัว บริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ถนนสามเสน ตามที่เกิดเหตุพื้นถนนทรุดตัว บริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ถนนสามเสน ใกล้เคียงกับจุดก่อสร้างทางขึ้น-ลงที่ 4 สถานีวชิรพยาบาล (PP19) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 กันยายน 2568 นั้น นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แจ้งให้นางมัลลิกา จิระพันธุ์วานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ร่วมกับนายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อกำกับดูแลการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด โดยในเบื้องต้น ผู้ว่าการ รฟม. พร้อมด้วยผู้อำนวยการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ และทีมงาน ได้สั่งการให้หยุดการก่อสร้างบริเวณพื้นที่เกิดเหตุในทันที เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุ พร้อมทั้งปิดกั้นพื้นที่ก่อสร้างบางส่วน และอพยพประชาชนโดยรอบออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย รฟม. ได้ประสานหน่วยงานสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง ทั้งการประปานครหลวง การไฟฟ้านครหลวง บริษัทโทรคมนาคม และตำรวจในพื้นที่ เพื่อเร่งแก้ไขสถานการณ์ รวมถึงจัดการจราจรในพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้สัญจร ทั้งนี้ […]

วชิรพยาบาลปิดรับผู้ป่วยนอก 2 วัน เหตุถนนทรุดไม่กระทบอาคาร

24 ก.ย.- คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ยันตัวอาคารโรงพยาบาลไม่ได้รับผลกระทบ ขอปิดรับผู้ป่วยนอก 2 วัน รับกังวลการมาทำงานของเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ผศ.นพ.จักราวุธ มณีฤทธิ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล กล่าวถึงกรณีการทรุดตัวลงของพื้นผิวถนนหน้าโรงพยาบาลวิชรพยาบาลว่า ตัวของโรงพยาบาลไม่มีผลกระทบอะไรเลย เพราะด้านหน้ามีกำแพงกั้นดินที่ลึกถึง 60 เมตร และตัวอาคารทีปังกรฯ มีกำแพงอยู่ แต่เพื่อความไม่ประมาทและการจราจรก็มีปัญหาจึงได้หยุดให้บริการตึกผู้ป่วยนอกเป็นเวลา 2 วัน และตึกดังกล่าวไม่ได้มีการอพยพผู้ป่วย เนื่องจากผู้ป่วยทั้งหมดในตึกนั้นเป็นผู้ป่วยนอกจึงไม่จำเป็นที่จะต้องอพยพ ทั้งนี้ หากมีเหตุจำเป็นและเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินทางโรงพยาบาลยังเปิดให้บริการอยู่ ตอนนี้เราเป็นห่วงในเรื่องของการจราจรส่วนอาคารนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร ในส่วนของการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยก็ยังสามารถใช้ประตูอื่นบริเวณโดยรอบโรงพยาบาลได้ ส่วนที่เรากังวลคือการเดินทางมาทำงานของเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาล. -สำนักข่าวไทย