TNA News-Now-Next: “เอเวอร์แกรนด์” ผลพวงหรือต้นตอวิกฤติอสังหาฯ จีน

ปักกิ่ง 29 มี.ค.- กลางเดือนมีนาคม แวดวงอสังหาริมทรัพย์จีนมีข่าวใหญ่ เมื่อเอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป (Evergrande Group) และผู้ก่อตั้ง ถูกทางการจีนสั่งปรับเป็นเงินมหาศาลราว 21,000 ล้านบาท ถือเป็นความคืบหน้าสำคัญของวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างความปวดหัวให้แก่เศรษฐกิจจีน


ที่มาที่ไปของเอเวอร์แกรนด์

เอเวอร์แกรนด์เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2539 โดยนายฮุย คายัน (Hui Ka Yan) หรือที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อ สวี่ เจียหยิ่น (Xu Jiayin) อดีตมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของจีน และ 1 ในผู้ร่ำรวยที่สุดของเอเชีย ปัจจุบันอายุ 65 ปี


นายฮุย ปี 2559

เอเวอร์แกรนด์ทำรายได้มหาศาลจากการขายห้องชุดหรืออพาร์ตเมนต์แบบพรีเซลล์หรือการขายล่วงหน้าให้กับชาวจีนที่มีรายได้สูงไปจนถึงปานกลาง  โดยได้รับการจัดอันดับในปี 2561 ให้เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก แต่ถัดมาเพียง 3 ปีในปี 2564 เอเวอร์แกรนด์กลับกลายเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้สินมากที่สุดในโลก โดยมีหนี้สินมากกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 10.9 ล้านล้านบาท) และมีสินทรัพย์ 240,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 8.76 ล้านล้านบาท)  สินทรัพย์ร้อยละ 90 อยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่

หนี้สินที่ล้นพ้นตัว ทำให้โครงการอสังหาริมทรัพย์หลายโครงการหยุดชะงัก ไม่สามารถสร้างต่อให้เสร็จ บริษัทเอเวอร์แกรนด์พยายามดิ้นรนปรับโครงสร้างหนี้ และได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ต่อศาลในแมนฮัตตันของสหรัฐในเดือนสิงหาคม 2566 จากนั้นในเดือนกันยายน นายฮุย ผู้เป็นซีอีโอถูกทางการจีนจับกุมและถูกสอบสวนในคดีอาญาฐานต้องสงสัยว่าก่ออาชญากรรมที่ผิดกฏหมาย

จุดจบของเอเวอร์แกรนด์


เอเวอร์แกรนด์มาถึงจุดจบเมื่อศาลฮ่องกงมีคำสั่งในเดือนมกราคมปีนี้ให้เอเวอร์แกรนด์เลิกกิจการและขายทรัพย์สินเพื่อชำระบัญชี หลังจากบริษัทไม่สามารถปรับโครงสร้างหนี้ให้กับเจ้าหนี้

โครงการบนเกาะไหหลำที่ต้องถูกรื้อทิ้ง

และเมื่อวันที่ 19 มีนาคม คณะกรรมการกํากับดูแลหลักทรัพย์ของจีนได้ลงดาบด้วยการสั่งปรับเอเวอร์แกรนด์และนายฮุยเป็นเงินมากถึง 583 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 21,000 ล้านบาท) ด้วยข้อหาสั่งการให้พนักงานของเหิงต้า ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่อยู่ในจีน ให้ตกแต่งรายงานผลประกอบการประจําปี 2562 และ 2563  จนสูงเกินจริงไปถึง 78,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.8 ล้านล้านบาท) ในช่วงเวลา 2 ปีก่อนที่เอเวอร์แกรนด์ผิดนัดชำระหนี้ รวมทั้งได้ปรับนายฮุยเป็นเงิน 6.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 236 ล้านบาท) และห้ามนายฮุยทำธุรกิจในตลาดทุนจีนตลอดชีวิต

จุดเริ่มต้นของปัญหา

เอเวอร์แกรนด์เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อกระฉ่อนที่สุดในบรรดาบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายสิบแห่งของจีนที่มีปัญหาผิดนัดชําระหนี้ นับตั้งแต่รัฐบาลจีนเริ่มมาตรการกวาดล้างการปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาคอสังหาริมทรัพย์มากจนเกินไปในปี 2563 เป็นนโยบายที่มีชื่อว่า “เส้นสีแดงสามเส้น” หรือ “three red lines” หวังชะลอการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่การเติบโตร้อนแรงเกินไป  โดยได้วางมาตรการเข้มงวดเรื่องวงเงินขอสินเชื่อ ทำให้บริษัทเหล่านี้ไม่สามารถกู้ยืมเงินเพื่อชำระหนี้เจ้าหนี้และลูกค้า นำมาซึ่งการผิดนัดชำระหนี้ และทำให้ฐานะทางการเงินของเอเวอร์แกรนด์ร่วงจากมีมูลค่าสูงสุดเป็นติดหนี้มากที่สุดภายในเวลาเพียง 3 ปี

จีนถูกมองมานานแล้วว่า มีสภาพเศรษฐกิจที่ไม่สมดุลและพึ่งพาสินเชื่อมากเกินไป และภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่มีหนี้สินมากที่สุด โดยมีเอเวอร์แกรนด์ก็เป็นบริษัทที่มีมูลค่าหนี้มากที่สุดในธุรกิจนี้ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การล่มสลายของเอเวอร์แกรนด์ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนในประเทศหรือทั่วโลก เพราะพวกเขารู้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์นี้จะต้องเกิดขึ้น

โมเดลการทำธุรกิจของเอเวอร์แกรนด์ก็เหมือนกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่น ๆ ในจีนที่มีรูปแบบการขายแบบพรีเซลล์หรือการขายล่วงหน้า เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีความเสี่ยงรออยู่ข้างหน้าแต่ก็สามารถทำให้ชาวจีนจำนวนไม่น้อยนำเงินมาลงทุนกับที่พักอาศัยโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ้านจะสร้างเสร็จเมื่อใด

ผลกระทบของเอเวอร์แกรนด์

ชาวจีนนำทรัพย์สินไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ไปลงทุนในอพาร์ตเมนต์ การล่มสลายของเอเวอร์แกรนด์จึงสร้างความเสียหายให้กับหลายคน ผู้ลงทุนกับเอเวอร์แกรนด์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ซื้อเพื่อพักอาศัยหรือสถาบันการเงินจะต้องรอให้ศาลเป็นผู้วินิจฉัยและจัดลำดับผู้ที่จะได้รับเงินเมื่อเอเวอร์แกรนด์เลิกกิจการและขายทรัพย์สิน

นักลงทุนไปชุมนุมหน้าสำนักงานเอเวอร์แกรนด์

ภาคอสังหาริมทรัพย์ครองสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของธุรกิจทั้งหมดในจีน วิกฤตหนี้ของภาคอสังหาริมทรัพย์จึงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนเป็นวงกว้าง เพราะกระทบไปถึงธุรกิจก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง ของตกแต่งบ้าน และอื่น ๆ ขณะเดียวกันราคาที่อยู่อาศัยที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าของบ้านขาดทุนจากการลงทุนและต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด นอกจากนั้นปริมาณการซื้อขายที่ดินที่ลดลงทําให้รัฐบาลท้องถิ่นขาดรายได้จากการเก็บภาษีและรายได้อื่น ๆ ส่งผลให้รัฐบาลท้องถิ่นมีหนี้สูงขึ้นตามไปด้วย

เอเวอร์แกรนด์ไม่เหมือนเลห์แมน บราเธอร์ส

การล้มละลายของเอเวอร์แกรนด์ถูกนำไปเปรียบเทียบกับการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส บริษัทบริการการเงินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ในสหรัฐ เลห์แมน บราเธอร์สถูกฟ้องล้มละลายในวันที่ 15 กันยายน 2551 โดยมีหนี้สินมากถึง 613,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 22 ล้านล้านบาท) ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของสหรัฐที่อยู่ในภาวะถดถอยอยู่แล้วให้เข้าสู่ภาวะดิ่งเหว

การล่มสลายของเลห์แมนส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการปล่อยสินเชื่อที่พักอาศัยแบบเสี่ยงให้แก่ผู้ซื้อ ทำให้ระบบการเงินไร้เสถียรภาพ ผู้ซื้อไม่สามารถชำระเงินที่กู้ยืมไปได้ตามกำหนด ส่งผลเป็นระลอกคลื่นไปทั่วตลาดหุ้นวอลล์สตรีทและทําให้ผู้กู้เสี่ยงที่จะถูกยึดทรัพย์ ต่างจากเอเวอร์แกรนด์ที่ปัญหาเกิดจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผิดนัดชำระหนี้

นอกจากเอเวอร์แกรนด์ ยังมีคันทรีการ์เดน

คันทรีการ์เดน (Country Garden) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอกชนรายใหญ่ของจีนก็กำลังเผชิญกับชะตากรรมเดียวกัน โดยถูกเอเวอร์เครดิต (Ever Credit) ที่เป็นบริษัทเจ้าหนี้ยื่นฟ้องเมื่อเดือนกุมภาพันธ์เรื่องไม่ชำระหนี้จำนวน 1,600 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 7,540 ล้านบาท) คันทรีการ์เดน ซึ่งเคยผิดนัดชําระหนี้ในต่างประเทศมาแล้วในเดือนตุลาคม 2566 ประกาศว่า จะขอต่อสู้คดีอย่างถึงที่สุด ศาลได้กำหนดวันไต่สวนคําร้องครั้งแรกในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้  เหตุการณ์ของคันทรีการ์เดนเกิดขึ้นเพียงหนึ่งเดือนหลังจากบริษัทเอเวอร์แกรนด์ถูกศาลฮ่องกงสั่งให้เลิกกิจการ

โครงการของคันทรีการ์เดนที่ถูกทิ้งร้าง

TNA News-Now-Next Final Thoughts:

เอเวอร์แกรนด์กลายเป็นสัญลักษณ์ของเศรษฐกิจจีนที่เผชิญกับอุปสรรคใหญ่ในอนาคตอันใกล้ ประกอบด้วยภาวะเศรษฐกิจชะลอการเติบโต หนี้สินเพิ่มขึ้น และแรงงานหดตัว สิ่งที่เกิดขึ้นกับเอเวอร์แกรนด์ทำให้ต้องกลับมาคิดทบทวนว่า บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นต้นตอของวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนจากการก่อหนี้เกินตัว หรือเป็นผลพวงจากวิกฤตที่เกิดจากการที่รัฐบาลต้องการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ

รัฐบาลจีนตระหนักดีว่า เศรษฐกิจของประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลักในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาอาจเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนจึงพยายามที่จะส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากยกเลิกมาตรการควบคุมโควิดอย่างเข้มงวดไปแล้ว แต่เศรษฐกิจยังคงไม่ฟื้นตัวอย่างที่คิด ผู้สังเกตการณ์คาดว่าจีนอาจจะเผชิญกับภาวะเงินฝืดในอนาคตจากปัญหาต่าง ๆ ที่รุมเร้า และเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 ดัชนีราคาผู้บริโภคของจีนลดลงมากที่สุดในรอบสามปี.-818(814).-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

คนร้ายเผารถ-วางวัตถุต้องสงสัยหลายจุดใน จ.ปัตตานี

ปัตตานี 26 มิ.ย. – คนร้ายเผารถ อบต.-วางวัตถุต้องสงสัยหลายจุดใน จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่เขาตรึงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมเพิ่มความเข้มงวดการลาดตระเวน เมื่อคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุความไม่สงบขึ้นในพื้นที่อำเภอสายบุรี จ.ปัตตานี หลายจุด มีรายงานว่า รถของ อบต.แป้น ถูกลอบวางเพลิงจนได้รับความเสียหาย และในพื้นที่โดยรอบยังพบวัตถุต้องสงสัยหลายจุด ทั้งที่ ม.3 ต.กะรุบี ม.8 ต.ตะโละดือรามัน และ ม.4 ต.ปล่องหอยอำเภอกะพ้อ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองได้ เข้าตรึงพื้นที่ และดำเนินการเก็บกู้ ตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อน และรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมเพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนและสอดส่องตามจุดเสี่ยง ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และอยู่ระหว่างการสืบสวนถึงมูลเหตุจูงใจ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง และหากพบวัตถุต้องสงสัยหรือเหตุผิดปกติ ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยด่วน.-สำนักข่าวไทย

ชะตากรรมชาวตลาดโรงเกลือ หลังปิดด่านคลองลึก

สระแก้ว 25 มิ.ย. – เสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาดโรงเกลือ หลังปิดด่านพรมแดนคลองลึก จากที่ต้องดิ้นรนค้าขายในยุคเศรษฐกิจย่ำแย่อยู่แล้ว ยิ่งย่ำแย่ลงกว่าเดิม.-สำนักข่าวไทย

EOD ทำลายระเบิดซุก จยย.จอดทิ้งหน้าอาคารสนามบินภูเก็ต

ภูเก็ต 25 มิ.ย. – ตำรวจชุด EOD ตรวจสอบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยซุกระเบิด จอดทิ้งหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินภูเก็ต ล่าสุดยิงทำลายวัตถุระเบิดได้แล้ว อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ ยืนยันมีลูกเดียว ไม่มีผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต .-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือคนไทยออกจากอิสราเอล-อิหร่าน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย.- นายกฯ ย้ำแผนช่วยเหลือ-อำนวยความสะดวกคนไทยต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่าน เผยล่าสุดมี 73 คน ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน และ 18 คนจากอิสราเอลต้องการกลับไทย ขอคนที่อยู่ต่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุรัฐบาลได้เตรียมการดูแลพี่น้องคนไทยทั้งในอิสราเอลและอิหร่าน ในกรณีที่ต้องการเดินทางกลับไทย เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดยกระทรวงการต่างประเทศได้วางแผนช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้คนไทยที่ต้องการออกจากอิสราเอลและอิหร่านโดยรวดเร็วและปลอดภัยค่ะ ในอิหร่าน มีคนไทยรวมประมาณ 300 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานและนักศึกษา ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ช่วยเหลือให้ไปพำนักชั่วคราวที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Amol ในอิหร่านแล้ว 35 คน และอีก 4 คนไปที่ศูนย์พักพิงที่เมือง Van ในตุรกี นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศกำลังเร่งประสานงานให้คนไทย 73 คนที่ประสงค์จะเดินทางออกจากอิหร่าน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะหารือกับฝ่ายอิหร่าน เพื่อให้เร่งออก exit visa ให้ ในส่วนของอิสราเอล มีคนไทยอยู่ประมาณ 40,000 คน เกือบทั้งหมดเป็นแรงงาน สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ติดตามสอบถามความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด รวมทั้งไปเยี่ยมเยียนด้วย ซึ่งในชั้นนี้ […]