วอชิงตัน 14 มิ.ย.- ผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐชี้ว่า เหตุความรุนแรงจากอาวุธปืนที่เพิ่มขึ้นเป็นสัญญาณเตือนว่า ฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงอาจเกิดเหตุร้ายมากขึ้น หลังจากเกิดเหตุกราดยิงใน 4 เมืองใหญ่ ภายในเวลาเพียง 6 ชั่วโมง มีคนเสียชีวิตรวม 6 คน บาดเจ็บรวม 39 คน
ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยการบริหารตำรวจชี้ว่า เหตุกราดยิงและเหตุความรุนแรงมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ ตำรวจต้องเตรียมรับมือกับฤดูร้อนที่ยาวนานและอันตราย เพราะการทยอยยกเลิกมาตรการจำกัดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทำให้ผู้คนออกนอกบ้านกันมากขึ้น และมีโอกาสเกิดเรื่องถี่ขึ้น เว็บไซต์ Gun Violence Archive ที่ติดตามเหตุยิงทั่วสหรัฐ เผยว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้เกิดเหตุกราดยิงที่มีผู้ตกเป็นเหยื่อกระสุนตั้งแต่ 4 คนขึ้นไปแล้ว 270 ครั้ง
ตำรวจเมืองออสติน รัฐเทกซัส เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ และเมืองซาวันนาห์ รัฐจอร์เจีย กำลังสอบสวนเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นในแต่ละเมือง เริ่มจากเมืองซาวันนาห์ ที่เกิดเหตุกราดยิงกลุ่มคนที่กำลังยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เมื่อเวลา 21.00 น. วันศุกร์ ตามเวลาท้องถิ่น มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 8 คน ตำรวจกำลังตามหาผู้ต้องสงสัยในรถยนต์คันที่ขับมาก่อเหตุ นอกจากนี้ยังมีบ้านอีก 3 หลัง และยวดยานอีกหลายคันถูกกราดยิงไปด้วย
ต่อมาเกิดเหตุกราดยิงในย่านบันเทิงของเมืองออสติน ราวเวลา 01.24 น. วันเสาร์ เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 13 คน จับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 1 คน และกำลังตามหาคนที่ 2 สันนิษฐานว่า เป็นการทะเลาะกันของคน 2 กลุ่ม แต่เหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้บริสุทธิ์ในละแวกนั้น หลังจากนั้นเกิดเหตุกราดยิงคนกลุ่มหนึ่งริมถนนในนครชิคาโก หลังเวลา 02.00 น. วันเสาร์ มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 9 คน ตำรวจกำลังตามหาผู้ต้องสงสัย 2 คน ตามด้วยเหตุกราดยิงที่เมืองคลีฟแลนด์ มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน.-สำนักข่าวไทย