อาเซอร์ไบจานจัดงานใหญ่…สิ่งท้าทายใหม่ที่สำนักข่าวทั่วโลกต้องรับมือ

อาเซอร์ไบจาน 23 พ.ย.- อาเซอร์ไบจานเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใหญ่ของสำนักข่าวจากทั่วโลก ผู้บริหารและผู้แทนจากสำนักข่าวจาก 80 ประเทศ รวมถึงผู้แทนจากสำนักข่าวไทย อสมท เข้าร่วม เป็นอีกวาระหนึ่งที่อาเซอร์ไบจานได้แสดงบทบาทสำคัญบนเวทีโลก ขณะที่สำนักข่าวต่างๆ ได้ร่วมกันหาแนวทางรับมือกับการทำหน้าที่สื่อในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ติดตามจากรายงานพิเศษจากกองบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวไทย


23

ได้ยินชื่อมานาน เพิ่งมีโอกาสเดินทางไปอาเซอร์ไบจาน (Azerbaijan) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อร่วม 2 การประชุมนัดสำคัญ คือ 1. การประชุมใหญ่สำนักข่าวโลก ครั้งที่ 5 (5th News Agencies World Congress) ระหว่าง 16-17 พ.ย.2559 และ 2.การประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16 ขององค์การสำนักข่าวแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (โออานา) – the 16th General Assembly of the Organization of Asia-Pacific News Agencies (OANA) ในวันที่ 18 พ.ย. 2559 ต่อเนื่องกัน รวม 3 วันเต็ม


การประชุมทั้งสองนัด สำนักข่าวแห่งชาติอาเซอร์ไบจาน คือ AZERTAC ด้วยการสนับสนุนด้านงบประมาณจากมูลนิธิ Heydar Aliyev เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่กรุงบากู (Baku) เมืองหลวงของอาเซอร์ไบจาน ในโอกาสนี้ สำนักข่าวไทย (Thai News Agency : TNA) ซึ่งมีสถานะเป็น news agency และเป็นสมาชิก OANA ได้รับเชิญจากเจ้าภาพให้เข้าร่วมทั้งสองการประชุม เช่นเดียวกับสำนักข่าวจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีก 3 แห่งที่ส่งผู้บริหารและผู้แทนเข้าร่วมคือ สำนักข่าว ANTARA ของอินโดนีเซีย สำนักข่าว BERNAMA ของมาเลเซีย และสำนักข่าว VNA ของเวียดนาม

15

“New Challenges for News Agencies’ (สิ่งท้าทายใหม่สำหรับสำนักข่าว) เป็นสโลแกนของการการประชุมใหญ่สำนักข่าวโลกครั้งที่ 5 และเป็นโจทย์สำหรับผู้นำสำนักข่าวกว่า 100 แห่ง เกือบ 200 คน 80 ประเทศ จากภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ได้แลกเปลี่ยนและหาทางรับมือร่วมกัน


สถานที่จัดประชุมโออ่า ทันสมัย แต่การประชุมเปิดฉากอย่างเรียบง่าย ตรงเวลาแทบไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่มีพิธีรีตอง ไม่มีพิธีกรออกมาสวัสดีแนะนำตัวหรือ เชิญใครกล่าวรายงานให้เสียเวลา ได้ยินเพียงเสียงประกาศดังๆ จากหลังฉากสั้นๆ ห้วนๆ แต่หนักแน่นสะกดผู้ฟังให้เงียบได้อย่างฉับพลันว่า.. Ladies and Gentlemen, the President of the Democratic Republic of Azerbaijan ..จากนั้นประธานก็ปรากฏตัว แล้วเดินตรงสู่โพเดียมโล้นๆ หน้าเวทีที่ไม่มีดอกไม้ประดับหรือวางให้บังหน้า

22

ประธานาธิบดี อิลฮัม อาลีเยฟ (Ilham Aliyev) แห่งอาเซอร์ไบจาน กล่าวสุนทรพจน์เปิดงานด้วยภาษาอังกฤษที่ลื่นไหลไม่ติดขัด เป็น speech ที่ยาว แต่ไม่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกอึดอัด เพราะเนื้อหาน่าสนใจ อธิบายภาพรวมแทบทุกด้านของอาเซอร์ไบจานด้วยน้ำเสียงและบุคลิกที่เป็นธรรมชาติและมาดมั่นของผู้นำที่กุมอำนาจบริหารประเทศมานาน 13 ปี ใครที่ไม่เคยมีข้อมูลเกี่ยวกับบากู ก็ได้รู้จักอาเซอร์ไบจานได้เป็นอย่างดีภายในเวลา 45 นาทีที่ได้ฟังประธานาธิบดีอิลฮัมกล่าวสุนทรพจน์ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่า 25 ปีที่เป็นอิสระจากสหภาพโซเวียต อาเซอร์ไบจานเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปอย่างไรบ้าง แตกต่างจาก 70 ปีก่อนหน้านั้นในด้านใด

ผู้นำวัย 55 ปี กล่าวบนเวทีด้วยความภาคภูมิใจใน 25 ปีที่อาเซอร์ไบจานประสบความสำเร็จในการสร้างประเทศให้ก้าวหน้าทันสมัย สามารถหาที่ยืนของตนเองได้ในแผนที่โลก จนกลายเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เคยได้รับเลือกเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และมีอีกอีกหลายบทบาทสำคัญบนเวทีโลก

1311

ในด้านเศรษฐกิจ ก่อนที่เคยพึ่งพานานาชาติ แต่อาเซอร์ไบจานในปัจจุบันเป็นประเทศที่สามารถยืนหยัดด้วยตนเอง เพราะมีสภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง หลากหลายขยายตัว ถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจสูงในระดับต้นๆ เป็นที่สนใจของนักลงทุน โดยเฉพาะในโครงการพัฒนาด้านพลังงานเนื่องจากอาเซอร์ไบจานมีน้ำมันและสมบูรณ์ด้วยแหล่งทรัพยากร โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ

ด้านสังคม นายอิลฮัม อาลีเยฟ กล่าวว่า นอกจากการพัฒนาด้านการศึกษา อาเซอร์ไบจานให้ความสำคัญกับการคุ้มครองทางด้านสวัสดิการและสังคมแก่ประชากรที่มีความหลากหลายด้านเชื้อชาติ (multi-ethnic) ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างทัดเทียมและเป็นธรรม

1918

ทางด้านสื่อ อาจมีผู้ตั้งคำถามว่า อาเซอร์ไบจานถือดียังไงมาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสำนักข่าวระดับโลก แถมสำนักข่าวแห่งชาติอาเซอร์ไบจานคือ AZERTAC ยังได้รับเลือกให้ทำหน้าที่ประธาน OANA เป็นระยะเวลา 4 ปี คือ ค.ศ. 2016 – 2019 ต่อจากสำนักข่าว Tass ของรัสเซียอีกด้วย

ประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจาน คุยว่า 25 ปีที่ครองตนเป็นประเทศอิสระในสถานภาพ “สาธารณรัฐประชาธิปไตย” (The Democratic Republic) อาเซอร์ไบจานให้ความสำคัญกับการพัฒนาสื่อที่เป็นอิสระ (independent media) ให้ความสำคัญกับเสรีภาพของสื่อเช่นเดียวกันกับเสรีภาพพื้นฐานอื่นๆ (other fundamental freedoms) ของสังคม ยืนยันได้จากปัจจุบันที่อาเซอร์ไบจานมีหนังสือพิมพ์รายวันเกือบ 40 ฉบับ รายสัปดาห์และรายเดือนมากกว่า 200 สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม 1 ช่อง สถานีภูมิภาค 13 ช่อง และเคเบิลทีวี 70 ช่อง อาเซอร์ไบจานเป็นประเทศที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตฟรีแก่ประชาชน โดยกว่าร้อยละ 75 ของประชากรที่อยู่ประมาณเกือบ 10 ล้านคน เป็นผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ในจำนวนนั้น มีอยู่ประมาณ 2 ล้านคนที่ใช้ social media ด้วยองค์ประกอบข้างต้น ฟังดูก็พอเป็นเหตุเป็นผลจนทำให้ได้รับความไว้วางใจจัดงานใหญ่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมองค์กรสื่อระดับโลก

16

การรวมตัวกันของผู้นำสำนักข่าวจากทั่วโลกในการประชุม the 15th News Agencies World Congress ครั้งนี้ มีการพูดถึงอนาคตของการบริโภคข่าวสาร ความท้าทายและโอกาสของเทคโนโลยีใหม่ และ Social media นวัตกรรมสำนักข่าว การฝึกอบรมบุคลากรข่าวเพื่อให้พร้อมสำหรับอนาคตแห่งการเป็น Multi- media การปกป้องการทำหน้าที่ของคนทำข่าวทั้งในเรื่องของเสรีภาพ การเข้าถึงข้อมูล และความปลอดภัยในการรายงานข่าวในพื้นที่เสี่ยงอันตราย

อนาคตสำนักข่าวจะเป็นอย่างไร จะทำอย่างไรเพื่อให้สำนักข่าวอยู่รอดได้ ยังเป็นประเด็นคำถามที่พยายามหาคำตอบร่วมกัน เท่าที่นั่งฟัง speakers บนเวทีที่มีมาจากหลายสำนักข่าวและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในงานที่เกี่ยวข้องกับสื่อ พอสรุปได้ว่า เพื่อความอยู่รอดได้ในอนาคต สำนักข่าวต่างๆ จะต้อง “diversify” หรือทำอะไรให้มีความแตกต่างหลากหลาย ไม่ย่ำอยู่กับที่ และจะต้อง “innovate” หรือ “create” อะไรใหม่ๆ เพื่อขาย ‘นวัตกรรม’ สำนักข่าวก็เหมือนสื่อแขนงอื่นๆ ที่ต้องชัดว่าตลาดอยู่ตรงไหน ต้องทำให้ได้ดังสำนวน “One needs to fish where the fish are” – จะตกปลาก็ต้องหาแหล่งที่มีปลาอยู่! ยิ่งถ้าอยากได้กลุ่มผู้บริโภคข่าวที่เอาใจยากอย่าง Generation ใหม่ สายพันธุ์ Millennial ยิ่งต้องปรับขยับกลยุทธ์ใหม่

ความเห็นหลากหลายบนเวที จับความได้ว่า เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็เป็นนักข่าวและเผยแพร่ข่าวเองได้ เพราะฉะนั้น สำนักข่าวต้องไล่ตามให้ทัน “trend” ที่มีแนวโน้มชัดเจนเป็นกันทั่วโลกว่าผู้บริโภคหันหลังให้กับข่าวที่เป็น Text ที่มีไว้อ่าน หันมานิยมข่าวสารที่เป็นภาพ (visual imagery) อีกทั้งยังเลือกความสะดวกที่จะรับข่าวเข้าทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งมีกันแทบทุกคน เพื่อให้ได้ผล เนื้อหาข่าวก็ต้องปรับให้รับกับเครื่องมือที่ใช้สื่อสาร และปัจจุบันข่าวที่ผู้บริโภคนิยมเสพกันมักจะต้อง “short and sweet” หรือ “สั้น ไว ได้ใจความ” โดยภาพรวมก็คือ การนำเสนอข่าวหรือการเล่าเรื่องของสื่อ (Storytelling) จะต้องปรับทั้งด้านเนื้อหาและรูปแบบเพื่อให้เข้าถึงและตรึงผู้บริโภคข่าวได้ และควรต้องใช้หลักการสื่อสารสองทาง (two –way communication) เพื่อเพิ่มฐานผู้บริโภค

1221

ในด้านนวัตกรรมใหม่ ในกรณีของข่าวภาพ ข่าวที่เป็นคลิป หรือข่าวโทรทัศน์ มีการนำเสนอการใช้เทคนิคใหม่ๆ ด้านภาพข่าวมาใช้ในการนำเสนอ ซึ่งมีปัจจุบันทำกันได้ง่าย ไม่ต้องใช้เทคนิคที่ซับซ้อนก็ทำได้ ผู้แทนจากบางสำนักข่าวนำเสนอตัวอย่างความสำเร็จในการแสวงหาความร่วมมือจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไอเดียล้ำๆ ไม่ว่าจะกลุ่มเยาวชน นักศึกษา ทั้งในระดับบุคคล หรือสถาบันศึกษา หรือไม่ก็กลุ่ม startups ที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจมาร่วมคิดผลิตงานใหม่ๆ ให้กับงานข่าวเพื่อเจาะให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ อีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจในประเด็นนวัตกรรมใหม่ของข่าว คือกรณีของญี่ปุ่น ซึ่งผู้แทนจากสำนักข่าว Kyodo News หยิบบกตัวอย่างการนำเอา AI (Artificial Intelligence) news presenter หรือผู้ประกาศข่าวปัญญาประดิษฐ์มาอ่านข่าวแทนคนเป็นๆ ซึ่งเริ่มมีให้เห็นแล้วที่ญี่ปุ่น
ในด้านการดำเนินกิจการของสำนักข่าว มีข้อเสนอร่วมกันว่า สำนักข่าวในปัจจุบันและในวันข้างหน้าจำเป็นต้องหารายได้จากหลายแหล่ง จึงจำเป็นพัฒนาสร้างสรรผลิตภันฑ์ข่าวให้ได้หลากหลาย formats

นอกจากเรื่องการความอยู่รอดด้านธุรกิจ (กรณีสำนักข่าวเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้พึ่งงบประมาณจากรัฐบาล) แล้ว เวทีการประชุมใหญ่สำนักข่าวโลกครั้งนี้ ยังให้ความสำคัญกับเรื่องการฝึกอบรมบุคลากรข่าวเพื่อให้พร้อมสำหรับอนาคตแห่งการเป็น Multi- media เรื่องอื่นๆ ต่างๆ ที่เป็นพื้นฐานหลักการของวิชาชีพสื่อมวลชน อาทิ การปกป้องการทำหน้าที่ของคนทำข่าวทั้งในเรื่องของเสรีภาพ บนพื้นฐานการรายงานข่าวที่เป็นกลาง ไม่มีอคติ การเข้าถึงแหล่งข่าวหรือข้อมูล และความปลอดภัยในการรายงานข่าวในพื้นที่เสี่ยงอันตราย ตัวอย่างที่ชัดเจนคือพื้นที่ที่มีความขัดแย้งและสู้รบ (war zone) ซึ่งตัวเลขโดยรวมทั่วโลกในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีคนทำข่าวเสียชีวิตในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างน้อย 827 คน

ที่ประชุม 5th News Agencies World Congress ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า สิ่งที่ท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับสำนักข่าวทั่วโลกในปัจจุบัน คือ จะทำอย่างไรให้สำนักข่าวไปได้รอดในด้านการเงิน โดยเฉพาะสำนักข่าวที่ไม่ได้มีสถานภาพเป็นสำนักข่าวแห่งชาติที่มีงบประมาณจากรัฐบาลโอบอุ้ม จะทำอย่างไรเพื่อปกป้องและรักษามาตรฐานการรายงานข่าวที่เป็นอิสระ ไม่มีอคติ บนพื้นฐานหลักการเสรีภาพแห่งการพูดหรือแสดงออก (Freedom of speech) ที่สื่อต้องปรับตัวอย่างสูงในยุคดิจิทัล (Digital Era)

20

ขณะเดียวกัน ในช่วงท้าย มีการอ่านสารของนาย บีน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติที่ส่งมาให้ที่ประชุม แสดงความยินดี มีใจความตอนหนึ่งที่ย้ำความสำคัญของเสรีภาพของการแสดงออก เสรีภาพสื่อที่มีต่อโรดแมปโลก และชี้ว่าสำนักข่าวมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่มีคุณภาพและทันต่อเวลาและสามารถผลักดันให้การเกิดการเปลี่ยนในทางบวก

การประชุม 5th News Agencies World Congress ซึ่งมีผู้บริหารและผู้แทนสำนักข่าวเข้าร่วมประชุมจำนวนมากจากกว่า 80 ประเทศ เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของอาเซอร์ไบจาน ประเทศที่ให้ความสำคัญกับความพยายามในการผลักดันตัวเองให้มีที่ยืนบนเวทีโลกในหลายๆ ด้าน.

“นรพล ผาเจริญ” กอง บก.ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวไทย อสมท

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย

สดุดี 3 ทหารกล้า สมรภูมิปราสาทตาควาย

25 ก.ค.- กองทัพภาคที่ 2 สดุดี 3 ทหารกล้า สละชีพ สมรภูมิปราสาทตาควาย หลังกัมพูชายิงจรวด BM-21 หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันมีทหารไทยเสียชีวิต 3 นาย จากการปฏิบัติหน้าที่เมื่อช่วงเช้าวันนี้ที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ หลังกัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ซึ่งกัมพูชานำไปจอดไว้ในพื้นที่ชุมชน โรงเรียน และวัด เพื่อเป็นโล่กำบัง โดยทหารที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ ได้แก่ 1.สิบเอกนพดล บุญเลิศ 2.สิบเอก กฤษฎา น้อยโคตร 3.สิบเอก จิรายุ สิงห์อ้น กองร้อยลาดตระเวนระยะไกล ที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 ร้อย.ลว.ไกล 6 และมีสิบเอกสุทธิชัย เรื่อเรือง ได้รับบาดเจ็บ -สำนักข่าวไทย