ยูทาห์ 8 ต.ค.- การโต้วาทีหรือดีเบตระหว่างรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์จากพรรครีพับลิกัน และ ส.ว.คามาลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครตบรรยากาศเป็นไปอย่างราบเรียบ มีการขัดจังหวะกันเล็กน้อย แต่ได้เนื้อหาสาระ ทั้งคู่ทำหน้าที่ปกป้องคู่ชิงประธานาธิบดีของตนอย่างเต็มที่
ดีเบตที่มหาวิทยาลัยยูทาห์ เมืองซอลต์เลคซิตี รัฐยูทาห์ ทางตะวันตกของสหรัฐเริ่มเมื่อเวลา 19.00 น.วันพุธตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 08.00 น.วันนี้ตามเวลาในไทย รองประธานาธิบดีเพนซ์วัย 61 ปีนั่งทางฝั่งขวาของคนดู ส.ว.แฮร์ริสซึ่งจะมีอายุครบ 56 ปีในวันที่ 20 ตุลาคมนี้นั่งทางฝั่งซ้ายของคนดู ห่างกัน 3 เมตร จากปกติ 1.8 เมตร มีกระจกพลาสติกใสกั้นคนละแผ่น ซูซาน เพจ หัวหน้าสำนักงานวอชิงตันหนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ผู้ดำเนินรายการเริ่มด้วยประเด็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ด้วยการถาม ส.ว.แฮร์ริสว่า รัฐบาลโจ ไบเดน จะทำอะไรที่รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ไม่ได้ทำ ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ แฮร์ริสกล่าวว่า ชาวอเมริกันได้เห็นความล้มเหลวใหญ่ที่สุดของรัฐบาลในประวัติศาสตร์ประเทศ รัฐบาลทรัมป์รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ปกปิด จนถึงขณะนี้ยังไม่มีแผนแก้ปัญหา แต่ ไบเดนมีแล้วคือเน้นตามหาผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยและวัคซีน รองประธานาธิบดีเพนซ์ปกป้องประธานาธิบดีทรัมป์ว่าให้ความสำคัญกับชีวิตชาวอเมริกันตั้งแต่วันแรก ๆ ไม่เคยมีประธานาธิบดีคนไหนกล้าระงับการเดินทางทั้งหมดจากจีนซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก
ผู้ดำเนินรายการถามเรื่องความพร้อมที่จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีทันทีที่ได้รับแจ้งหรือไม่ ทั้งเพนซ์และแฮร์ริสต่างเลี่ยงไม่ตอบคำถามนี้ ผู้ดำเนินรายการถามต่อเรื่องเศรษฐกิจว่า การขึ้นภาษีจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยงหรือไม่ แฮร์ริสอ้างว่า มีชาวอเมริกันยื่นขอสวัสดิการว่างงานแล้วกว่า 30 ล้านคน ไบเดนจะยกเลิกร่างกฎหมายที่เอื้อประโยชน์คนรวยที่มีเพียงร้อยละ 1 ในวันแรกที่เข้าบริหารประเทศ จะลงทุนในพลังงานสะอาด เพนซ์โต้ว่า วันหนึ่งไบเดนก็ต้องขึ้นภาษี รัฐบาลทรัมป์ทำให้คนกลับมามีงานทำแล้ว 11.6 ล้านคน แต่ไบเดนจะขึ้นภาษีและฝังเศรษฐกิจไว้ใต้ข้อตกลงสีเขียวที่จะทำให้คนตกงานจำนวนมาก ทำให้แฮร์ริสโต้ว่าไบเดนจะไม่ขึ้นภาษีกับผู้มีรายได้ไม่ถึงปีละ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 12.5 ล้านบาท) จากนั้นผู้ดำเนินรายการได้ถามเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นโยบายต่อจีน ผู้พิพากษาศาลฎีกาคนใหม่ ความยุติธรรมทางอาญาและสีผิว และการส่งมอบอำนาจหลังการเลือกตั้ง ชื่อของซูซาน เพจติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับสองในสหรัฐ หลายคนมองว่าเธอปล่อยให้ผู้สมัครทั้งสองคนเลี่ยงคำถามและพูดเกินเวลาอย่างสบายเกินไป.- สำนักข่าวไทย