นิวยอร์ก 28 ก.ย.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกันและนายโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครตจะพบหน้ากันครั้งแรกในการโต้วาทีหรือดีเบตนัดแรกวันอังคารนี้ตามเวลาสหรัฐ แต่นักวิเคราะห์มองว่า จะไม่มีผลต่อคะแนนเสียงมากนัก เพราะการเมืองแบ่งขั้วชัดเจน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกใคร
บ็อบ เอริคสัน อาจารย์รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบียเผยว่า ครั้งหลังสุดที่ดีเบตคู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐมีผลต่อการเลือกตั้งคือปี 2527 ที่ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน วัย 73 ปี จากพรรครีพับลิกันเพลี่ยงพล้ำให้แก่วอลเตอร์ มอนเดล วัย 56 ปี จากพรรคเดโมแครตในการดีเบตนัดแรก ก่อนกลับมาเหนือกว่าในการดีเบตสองนัดที่เหลือด้วยการตอกย้ำเรื่องความด้อยประสบการณ์และอายุของนายมอนเดล ผลการเลือกตั้งเรแกนเป็นฝ่ายชนะได้ดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง ขณะที่ไมเคิล โซโคโลว์ นักประวัติศาสตร์ด้านสื่อ มหาวิทยาลัยเมนมองว่า นับจากการดีเบตที่มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ครั้งแรกในปี 2503 ระหว่างจอห์น เอฟ เคนเนดีจากพรรคเดโมแครตกับรองประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสันจากพรรครีพับลิกัน การดีเบตของคู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐที่ผ่านมานำเสนอเนื้อหาและแนวคิดน้อยลง เป็นเพียงการแสดงบนเวทีและคอยให้คู่แข่งเพลี่ยงพล้ำ
ผลการศึกษาของศูนย์วิจัยพิวพบว่า ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2559 มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่ตัดสินใจระหว่างชมการโต้วาทีหรือหลังจากชมแล้วว่าจะลงคะแนนให้ใคร สะท้อนว่ารูปแบบและความน่าชอบมีผลต่อการตัดสินใจมากกว่าเนื้อหา เดวิด บาร์กเกอร์ นักรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอเมริกันคาดว่า ผู้ชมจะสนใจดูไบเดนวัย 77 ปี เป็นพิเศษเพราะเขาแทบไม่ออกพบปะผู้คนเลยเพราะระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และคาดว่าไบเดนจะยกเรื่องการสูญเสียภรรยาคนแรกและลูกสาววัยขวบเดียวในอุบัติเหตุทางรถยนต์ปี 2515 และสูญเสียลูกชายคนโตวัย 46 ปี ด้วยโรคมะเร็งสมองในปี 2558 เพราะเขามักใช้เรื่องนี้เรียกคะแนนความเห็นใจ.- สำนักข่าวไทย