เอเชีย 14 เม.ย.- หลายประเทศในเอเชีย ยังคงคุมเข้มป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลงบ้างแล้ว
จีนเผยว่าเมื่อวานนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศจำนวน 89 คน โดยอยู่ในมณทลเฮย์หลงเจียงที่ติดชายแดนรัสเซีย 79 คน ทั้งหมดเป็นชาวจีนที่เดินทางกลับประเทศ ทำให้เกิดความวิตกว่าการแพร่ระบาดในจีนจะหวนกลับมารุนแรงซ้ำอีก โดยเจ้าหน้าที่จีนยอมรับว่า ชายแดนที่ยาวไกลของจีน ตลอดจนเส้นทางการคมนาคมทั้งทางบก ทางน้ำ และทางธรรมชาติ ทำให้ยากที่จะควบคุม
ขณะที่ทางกระทรวงสาธารณสุขของจีนย้ำว่า ชาวต่างชาติทุกคนที่เดินทางเข้ามาในจีน รวมทั้งพลเมืองจีนทุกคนจะต้องเผชิญกับมาตรการกักตัวเพื่อรอดูอาการอย่างเท่าเทียมกัน จนถึงขณะนี้ จีนพบผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศแล้วกว่า 1,400 คน จากจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศราว 82,000 คน และมีผู้เสียชีวิตกว่า 3,300 คน
ขณะเดียวกัน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ต่างก็ประสานเสียงปฏิเสธเสียงเรียกร้องให้ผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางและการชุมนุมในที่สาธารณะทั้งๆ ที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างมาก ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนายสก็อต มอริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวว่า ยังคงต้องรออีกหลายสัปดาห์ ก่อนจะตัดสินใจยกเลิกมาตรการเหล่านั้น พร้อมระบุว่า สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ มีความสำเร็จในการรับมือกับโรคโควิด-19 แต่ปรากฏว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น หลังผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มหลายอย่าง ทั้งนี้ ออสเตรเลีย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 63 คน ใน 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นต่ำที่สุด ในช่วง 1 เดือน
ส่วนนิวซีแลนด์ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพียง 8 คนในวันนี้ ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์ นางจาซินดา อเดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ กล่าวว่า จะต้องรอดูสถานการณ์ ไปอีก 1 สัปดาห์ เป็นอย่างน้อย ทั้งนี้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ต่างก็ปิดพรมแดนไม่รับชาวต่างชาติและใช้มาตรการกักกันพลเมือง ที่เดินทางกลับเป็นเวลา 14 วัน.-สำนักข่าวไทย