ซิดนีย์ 10 ม.ค.- นักวิจัยเผยว่า ไฟป่าออสเตรเลียถูกคนฉวยโอกาสนำไปเบี่ยงเบนประเด็นจากเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไปเป็นเรื่องอื่นๆ เช่น คนวางเพลิง มากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในออสเตรเลีย
ทิโมธี แกรแฮม ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อดิจิทัล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีควีนส์แลนด์เผยผลการวิจัยทวิตเตอร์ 300 บัญชี และทวีต 1,200 กว่าข้อความว่า ผู้ใช้ทวิตเตอร์ราวครึ่งหนึ่งติดแฮชแท็ก #arsonemergency โดยใช้บอตทำและมีพฤติกรรมแบบเกรียนคีย์บอร์ด บัญชีเหล่านี้เพิ่งสร้างขึ้นไม่นาน มักไม่มีรูปโพรไฟล์ นำตัวอักษรหรือตัวเลขมาตั้งชื่อแบบไร้ความหมาย และมักเล่นแค่ประเด็นเดียวคือคนวางเพลิง โดยทวีตซ้ำ ๆ และบางบัญชีก็ตอบกันเอง ทำให้เห็นว่ากำลังมีความพยายามให้ข้อมูลผิด ๆ แก่สาธารณชนเรื่องสาเหตุของไฟป่าที่กำลังโหมไหม้รุนแรงในออสเตรเลียอยู่ในขณะนี้ ความรุนแรงอาจไม่เหมือนที่เห็นในประเทศอื่น เช่น การเลือกตั้งสหรัฐปี 2559 แต่เกิดขึ้นในออสเตรเลียมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ข้ออ้างเท็จที่ว่า มีคนถูกทางการออสเตรเลียตั้งข้อหาวางเพลิงทำให้เกิดไฟป่า 180 คน ถูกส่งต่อไปทั่วโลกสังคมออนไลน์ หนึ่งในผู้หลงเชื่อคือนายโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายประธานาธิบดีสหรัฐที่ทวีตว่า “น่าขยะแขยงอย่างยิ่งที่มีคนทำเรื่องนี้ ขอให้พระเจ้าคุ้มครองออสเตรเลีย กว่า 180 คนถูกจับตั้งแต่ต้นฤดูไฟป่าออสเตรเลีย” ข้ออ้างนี้ดูเหมือนจะบิดเบือนจากที่ตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์แถลงว่า ได้ดำเนินคดีกับ 183 คนในความผิดที่เกี่ยวข้องกับไฟป่า ข้อเท็จจริงคือมี 24 คน ถูกตั้งข้อหาจงใจทำให้เกิดไฟป่าจากการจงใจจุด ส่วนใหญ่เป็นการทิ้งก้นบุหรี่อย่างไม่ระวัง หรือฝ่าฝืนคำสั่งห้ามใช้เตาบาร์บีคิวและเครื่องเจียรไฟฟ้าในฤดูไฟป่า ตำรวจรัฐวิกตอเรียเผยว่า ยังไม่มีข่าวกรองบ่งชี้ว่าไฟป่าทางฝั่งตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐเกิดจากการวางเพลิงหรือพฤติกรรมน่าสงสัยอื่น ๆ
สถิติไฟป่าออสเตรเลียที่ผ่านมามีทั้งเกิดจากการวางเพลิง ฟ้าผ่าต้นไม้ ถ่านไฟที่ถูกลมพัดมาจากไฟป่าจุดอื่น หรืออุบัติเหตุ แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ไฟป่าปีนี้รุนแรงมากเพราะภาวะแห้งแล้งยาวนาน สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงในมหาสมุทรอินเดียและทวีปแอนตาร์ติกาที่ทำให้ออสเตรเลียเกิดภาวะอากาศร้อน แล้ง และลมแรง ทั้งหมดล้วนโยงไปถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อันเกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกร้อนขึ้น.-สำนักข่าวไทย