ลอนดอน 11 ก.ย.- สื่ออังกฤษมองว่า การปลดนายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติจะไม่ทำให้การต่อต้านกระแสโลกาภิวัฒน์และพหุภาคีนิยมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เปลี่ยนไป แต่จะทำให้นโยบายต่างประเทศกลับมาสู่สัญชาติเดิมของเขามากขึ้นเรื่องไม่แทรกแซงประเทศอื่นและนิยมการทูตส่วนตัว รวมทั้งอาจทำให้การประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงอื่น ๆ ในสหรัฐดีขึ้น
นายแพทริก วินทัวร์ บรรณาธิการการทูต หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนมองว่า การปลดนายโบลตันวัย 70 ปี จากตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติอย่างกะทันหันหลังรับตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายนปีก่อน อาจสะท้อนว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างนายโบลตันกับประธานาธิบดีรวมทั้งนายไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศใกล้แตกหัก และน่าจะมีผลต่อนโยบายต่างประเทศสหรัฐในหลายประเทศที่เป็นจุดขัดแย้งกับสหรัฐ
นายโบลตันคัดค้านอย่างแข็งขันเรื่องประธานาธิบดีจะถอนทหารอเมริกันที่เหลืออยู่ในอัฟกานิสถานกลับประเทศให้หมดภายในสิ้นปีนี้ ท่ามกลางกระแสวิตกของหลายฝ่ายว่าสหรัฐกำลังจะทิ้งอัฟกานิสถานให้แก่กลุ่มก่อการร้าย โดยไม่มีแผนปกป้องรัฐบาลอัฟกานิสถานก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปลายเดือนนี้และเลือกตั้งทั่วไปในปี 2564 ทรัมป์คิดจะหารือลับกับผู้นำตอลีบานที่แคมป์เดวิด ที่พักของประธานาธิบดี แต่ได้ยกเลิกไปเมื่อไม่กี่วันก่อนโดยอ้างเรื่องตอลีบานระเบิดรถยนต์สังหารทหารอเมริกันในกรุงคาบูล 1 นาย
นายโบลตันเสนอให้เพิ่มการโจมตีอิหร่านที่ยิงโดรนสหรัฐตกบริเวณช่องแคบฮอร์มุซเมื่อเดือนมิถุนายน แต่ทรัมป์ยกเลิกการตัดสินใจในนาทีสุดท้ายเพราะเกรงจะเกิดการเผชิญหน้าทางทหาร จึงได้มุ่งกดดันทางเศรษฐกิจเป็นหลัก โบลตันคาดว่าจะเกิดการลุกฮือในอิหร่านและจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในแต่ผิดคาด เพราะกลุ่มแข็งกร้าวและกลุ่มปฏิรูปหันมาจับมือกับต่อต้านต่างชาติมากขึ้น ขณะที่ทรัมป์เสนอพบปะกับประธานาธิบดีฮัสซัน โรว์ฮานีของอิหร่าน โบลตันยังคัดค้านเรื่องยื่นไมตรีให้รัสเซียตามการริเริ่มของฝรั่งเศสเพื่อฟื้นความสัมพันธ์ที่เสื่อมทรามลงจากเรื่องรัสเซียผนวกไครเมียของยูเครนในปี 2557 และสนับสนุนให้ใช้นโยบายชิงโจมตีเกาหลีหนือ ซึ่งขัดแย้งอย่างหนักกับทรัมป์ที่ต้องการเจรจาแบบพบหน้ากับผู้นำเกาหลีเหนือ.-สำนักข่าวไทย