ดามัสกัส 15 มี.ค.- สงครามกลางเมืองซีเรียเข้าสู่ปีที่ 9 แล้วในวันนี้ ทำลายชีวิตผู้คนหลายล้านคน มีทั้งเสียชีวิต พิการ ถูกทรมาน และกลายเป็นคนพลัดถิ่น
การประท้วงต่อต้านรัฐบาลบาชาร์ อัลอัสซาดเริ่มขึ้นในวันที่ 15 มีนาคม 2554 ช่วงที่เกิดการปฏิวัติในโลกอาหรับหรืออาหรับสปริง กลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนซีเรียที่ตั้งอยู่ในอังกฤษอ้างว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วไม่ต่ำกว่า 370,000 คน เป็นพลเรือน 112,523 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 21,000 คน และสตรี 13,000 คน ขณะที่สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) เผยว่า ชาวซีเรีย 2.9 ล้านคนต้องกลายเป็นผู้พิการไปตลอดชีวิต
ด้านองค์กรแคร์ของสหรัฐระบุว่า สงครามกลางเมืองซีเรียทำให้มีคนพลัดถิ่นมากที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ข้อมูลของสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า มีคนพลัดถิ่นเกือบ 13 ล้านคน หรือกว่าครึ่งของคนทั้งประเทศ 23 ล้านคนก่อนเกิดสงคราม ในจำนวนนี้ 6.2 ล้านคนพลัดถิ่นในประเทศ และอีก 5.6 ล้านคนพลัดถิ่นในภูมิภาค เฉพาะตุรกีประเทศเดียวรับผู้ลี้ภัยชาวซีเรียไม่ต่ำกว่า 3.6 ล้านคน รองลงมาคือเลบานอน รับผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย 1.5 ล้านคน ทั้งที่ประชากรของประเทศมีเพียง 4 ล้านคน นอกจากนี้ยังมีชาวซีเรียอีกหลายแสนคนเสี่ยงชีวิตมุ่งหน้าไปยุโรปเพื่อขอลี้ภัย
รัฐบาลซีเรียถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน ทรมาน ข่มขืนและฆ่าประชาชนตามอำเภอใจ กลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนซีเรียอ้างว่า มีคนถูกคุมขังครึ่งล้านคน ตายเพราะถูกทรมานและคุมขังอย่างน้อย 60,000 คน ขณะที่องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) เผยว่า มีเด็กเกิดในช่วงสงครามกลางเมือง 5 ล้านคน หนึ่งล้านคนเกิดนอกประเทศ เด็กซีเรีย 2.1 ล้านคนไม่ได้เรียนหนังสือเพราะโรงเรียนถูกถล่มเสียหายกว่าหนึ่งในสาม OCHA ระบุว่า ชาวซีเรีย 13 ล้านคนต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ครึ่งหนึ่งไม่มีอาหารยังชีพ และกว่าร้อยละ 80 มีชีวิตต่ำกว่าเส้นยากจน เพราะไม่มีงานทำ ไม่มีไฟฟ้าและแก๊ส UN ประเมินว่า สงครามกลางเมืองตลอด 8 ปีที่ผ่านมาสร้างความสูญเสียให้แก่ซีเรียแล้วเกือบ 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 12.67 ล้านล้านบาท).-สำนักข่าวไทย