วอชิงตันโพสต์ลงบทความชิ้นสุดท้ายของนักข่าวซาอุที่หายไป

วอชิงตัน 18 ต.ค.- หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ของสหรัฐตีพิมพ์บทความที่ระบุว่าน่าจะเป็นชิ้นสุดท้ายของนายจามาล คาชอกจี นักข่าวซาอุดีอาระเบียที่หายไปหลังเข้าไปในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในตุรกีเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 


บทความของนายคาชอกจีวัย 59 ปี เขียนถึงความสำคัญของการมีสื่อเสรีในโลกอาหรับว่า โลกอาหรับกำลังถูกล้อมด้วยม่านเหล็กที่ไม่ใช่ฝีมือของโลกภายนอก แต่เป็นของกลุ่มในประเทศที่แสวงหาอำนาจ โลกอาหรับจำเป็นต้องมีสื่อข้ามชาติยุคใหม่เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข่าวสารเกี่ยวกับโลกภายนอก และที่สำคัญกว่านั้นเพื่อเป็นเวทีให้อาหรับได้สื่อสารไปยังโลกภายนอก การมีเวทีสากลที่เป็นอิสระ ปราศจากอิทธิพลของรัฐบาลระดับประเทศที่ใช้การโฆษณาชวนเชื่อแพร่กระจายความรู้สึกเกลียดชัง จะช่วยให้ประชาชนในโลกอาหรับสามารถแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของสังคมได้ 

บรรณาธิการหน้าทัศนะโลกของวอชิงตันโพสต์เขียนเกริ่นนำบทความของคาชอกจีที่มีภาพประกอบเป็นภาพนายคาชอกจีกำลังยิ้มแย้มว่า ทางหนังสือพิมพ์ชะลอการตีพิมพ์เพราะยังหวังว่าเขาจะกลับมา แต่ตอนนี้ต้องทำใจแล้วว่า บทความนี้เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของเขา เป็นข้อเขียนที่สะท้อนให้เห็นว่าเขามีความมุ่งมั่นและความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเห็นโลกอาหรับมีเสรีภาพ และเป็นเสรีภาพที่เขาต้องแลกด้วยชีวิต.- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]