เชียงราย 9 ก.ค.- นายอันมาร์ มีร์ซา ผู้ประสานงานแห่งชาติของคณะกู้ภัยถ้ำแห่งชาติของสหรัฐเปรียบเทียบภารกิจการช่วยเยาวชนไทย 13 คนออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนว่า ยิ่งกว่าภาพยนตร์ระทึกขวัญ เพราะเป็นสถานการณ์น่ากลัวที่สุดที่คน ๆ หนึ่งจะผ่านพ้นไปได้
นายมีร์ซาให้สัมภาษณ์เว็บไซต์ซีบีเอสนิวส์ของสหรัฐว่า เขาอยู่กับการกู้ภัยในถ้ำมาร่วม 30 ปี แต่ไม่เคยคิดว่าจะมีภารกิจไหนซับซ้อนเท่ากับภารกิจนี้ เป็นความซับซ้อนเหนือธรรมดา เส้นทางออกจากถ้ำเป็นเส้นทางอันตราย นักดำน้ำชาวต่างชาติ 13 คน และนักดำน้ำชาวไทย 5 คน ต้องดำผ่านเส้นทางที่มืด แคบ เต็มไปด้วยกระแสน้ำเชี่ยวและขุ่น นักดำน้ำ 2 คนประกบเด็กแต่ละคนในระหว่างเกาะไปตามแนวเชือกที่ตรึงไว้ตลอดระยะทาง 2.4 กิโลเมตร นักดำน้ำต้องสอนเด็กหายใจด้วยอุปกรณ์ดำน้ำที่ต้องใช้ตลอดการดำน้ำเป็นเวลานาน ความเชื่อใจระหว่างเด็กกับนักดำน้ำคือสิ่งสำคัญที่สุด เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยร้อยละ 90 ที่นำพาเด็กออกมา นอกเหนือจากทีมนานาชาติที่ผลัดเปลี่ยนกันนำอาหาร ยา และจดหมายจากพ่อแม่เข้าไปให้พวกเขาถึงข้างใน ขณะที่โค้ชซึ่งอยู่กับเด็ก ๆ ทั้ง 12 คน ก็สอนพวกเขานั่งสมาธิให้จิตใจสงบ
นายมีร์ซากล่าวว่า ข่าวดีคือการช่วยเหลือขั้นแรกประสบความสำเร็จ แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดได้ผล แม้สถานการณ์ยังอันตรายอยู่ แต่เด็กที่ยังอยู่ข้างในก็มีกำลังใจมากขึ้นที่จะออกมา เพราะเพื่อนชุดแรกทำได้สำเร็จแล้ว ซีบีเอสนิวส์ระบุว่า หลังจากเดินหน้าสูบน้ำออกไปอย่างต่อเนื่อง ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่าภารกิจใกล้จะลุล่วงในอีกไม่นาน และอาจช่วยเด็กออกมาได้หมดทุกคนภายใน 48 ชั่วโมงข้างหน้า.- สำนักข่าวไทย