วอชิงตัน 14 เม.ย.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ แถลงเรื่องร่วมกับอังกฤษและฝรั่งเศสใช้ปฏิบัติการทางทหารถล่มซีเรีย โดยอ้างเรื่องรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย ใช้อาวุธเคมีกับชาวเมืองดูมา เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 60 คน
ประธานาธิบดีทรัมป์ แถลงทางโทรทัศน์เมื่อคืนวันศุกร์ ตามเวลาสหรัฐ ตรงกับเช้าวันนี้ ตามเวลาในไทย ว่าได้สั่งการให้กองทัพสหรัฐเปิดฉากโจมตีอย่างแม่นยำต่อเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธเคมีของรัฐบาลซีเรีย เป็นปฏิบัติการร่วมกับอังกฤษและฝรั่งเศส ปีที่แล้วซีเรียได้ใช้อาวุธเคมีกับผู้บริสุทธิ์ของตนเอง สหรัฐตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธถล่มกองทัพอากาศซีเรียเสียหายร้อยละ 20 ล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว รัฐบาลซีเรียได้ใช้อาวุธเคมีสังหารผู้บริสุทธิ์ในเมืองดูมา ใกล้กรุงดามัสกัส รัฐบาลที่เลวร้ายนี้ใช้อาวุธเคมีรุนแรงยิ่งขึ้นในการสังหารหมู่ผู้คน ทั้งที่ประเทศอารยะร่วมกันห้ามใช้อาวุธเคมีตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดไปเมื่อศตวรรษก่อน การใช้ปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐและพันธมิตรในครั้งนี้ จึงต้องการยับยั้งการผลิต แพร่กระจาย และใช้อาวุธเคมี เพราะมีความสำคัญต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ ดังนั้น สหรัฐ อังกฤษ และฝรั่งเศส จะร่วมกันตอบโต้ความโหดร้ายนี้ด้วยเครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่ ทั้งทางทหาร เศรษฐกิจ และการทูต โดยจะเดินหน้าต่อไปจนกว่ารัฐบาลซีเรียจะหยุดใช้สารเคมีต้องห้าม
ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวต่อไปว่า ขอใช้โอกาสนี้ส่งสารถึงรัฐบาล 2 ประเทศที่มีส่วนสำคัญที่สุดในการสนับสนุน ให้อุปกรณ์ และให้เงินทุนแก่รัฐบาลซีเรีย นั่นคือ อิหร่านและรัสเซีย ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เคยรับปากในปี 2556 ว่าจะรับประกันเรื่องการกำจัดอาวุธเคมีในซีเรีย แต่การกระทำของซีเรียและการตอบโต้ของสหรัฐ คือ ผลที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการที่รัสเซียไม่ทำตามสัญญา รัสเซียจะต้องตัดสินใจแล้วว่าจะเดินตามทางผิดๆ ต่อไป หรือจะเข้าร่วมกับชาติอารยะในฐานะกองกำลังแห่งสันติภาพและเสถียรภาพ หวังว่าสหรัฐจะเป็นมิตรกับรัสเซียได้ในสักวันหรือแม้แต่กับอิหร่าน แต่คงไม่.-สำนักข่าวไทย