เยรูซาเล็ม 30 มิ.ย.- อิสราเอลเผยว่า มีความสนใจที่จะสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับซีเรียและเลบานอน หลังจากสหรัฐกล่าวเป็นนัยในเรื่องนี้เมื่อไม่กี่วันก่อน
นายกีเดียน ซาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอลกล่าวระหว่างการแถลงข่าวในวันนี้ว่า อิสราเอลมีความสนใจที่จะสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับซีเรียและเลบานอน แต่จะไม่เจรจาเรื่องที่ราบสูงโกลันในการทำข้อตกลงสันติภาพกับซีเรีย
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนตามเวลาสหรัฐ แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวของสหรัฐกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังคาดหมายให้ซีเรียเป็นหนึ่งในประเทศถัดไปที่จะเข้าร่วมในข้อตกลงอับบราฮัม (Abraham Accords) ขณะที่นายสตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษตะวันออกกลางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เผยเป็นนัยระหว่างให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) หนึ่งวันก่อนหน้านั้นว่า จะมีการประกาศข่าวใหญ่เรื่องประเทศที่จะมาร่วมในข้อตกลงดังกล่าว
ข้อตกลงอับราฮัมเป็นกลุ่มข้อตกลงที่อิสราเอลสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศอาหรับหลายประเทศ เริ่มจากการลงนามกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และบาห์เรนในเดือนกันยายน 2563 โดยมีสหรัฐเป็นคนกลางในรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก ตามด้วยซูดานในเดือนธันวาคม 2563 และโมร็อกโกในเดือนมกราคม 2564
อิสราเอลผนวกที่ราบสูงโกลันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศในปี 2524 หลังจากยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของดินแดนแห่งนี้จากซีเรียในการทำสงคราม 6 วันเมื่อปี 2510 รอยเตอร์รายงานเมื่อเดือนพฤษภาคมว่า ผู้ปกครองใหม่สายมุสลิมที่ปกครองซีเรียตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคมปีนี้ ได้ติดต่อโดยตรงกับอิสราเอล และมีการประชุมแบบพบหน้ากันหลายครั้ง ขณะที่นายทรัมป์ได้เรียกร้องระหว่างพบกับประธานาธิบดีคนใหม่ของซีเรียที่ซาอุดีอาระเบียในเดือนเดียวกันให้สถาปนาความสัมพันธ์ระดับปกติกับอิสราเอล ตามด้วยการประกาศสร้างความแปลกใจว่า สหรัฐจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมดที่ใช้กับซีเรียมาตั้งแต่ปี 2554 .-814.-สำนักข่าวไทย