นิวซีแลนด์ 1 ม.ค.-นิวซีแลนด์เป็นชาติแรกๆ ในโลกที่ต้อนรับศักราชใหม่ก่อนใคร ด้วยการยิงพลุดอกไม้ไฟยิ่งใหญ่อลังการเช่นเดียวกับชาติอื่นๆ แม้กระทั่งเกาหลีเหนือก็ฉลองวันขึ้นปีใหม่เช่นกัน
ชาวนิวซีแลนด์นับหมื่นคนหลั่งไหลไปฉลองวันขึ้นปีใหม่ที่ชายหาดด้วยการชมการจุดพลุดอกไม้ไฟอย่างอลังการจากอาคารสกายทาวเวอร์ในเมืองออคแลนด์ซึ่งมีความสูงถึง 328 เมตรพร้อมด้วยการยิงเลเซอร์ที่งดงามอลังการกว่าปีที่แล้วโดยใช้เวลายิงพลุไฟทั้งสิ้นราว 5 ชั่วโมง
ออสเตรเลียที่ฉลองวันปีใหม่ด้วยการยิงพลุดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าทีเคยมีมาพร้อมด้วยการแสดงแสงสีที่งดามจากผู้จัดกว่า 3 พันรายโดยใช้เวลาทั้งสิ้นราว 12 นาทีในการยิงพลุดอกไม้ไฟจำนวน 8 ตันหรือราว 13,000 ดอกมากกว่าปีก่อน 1 ตันประดับท้องฟ้าเหนือสะพานซิดนีย์ฮาเบอร์ท่ามกลางผู้ชมกว่า 1.5 ล้านคน
ส่วนที่ญี่ปุ่น ประชาชนนับหมื่นคนต่างหลั่งไหลไปนับถอยหลังต้อนรับวันขึ้นปีใหม่ที่อุโมงค์น้ำซีพาราไดซ์ในเมืองโยโกฮามาด้วยการชมพลุดอกไม้ไฟราว 3 พันลูก ขณะที่ในกรุงโตเกียวก็มีการต้อนรับปีใหม่ด้วยการปล่อยลูกโป่งสีขาวหลายร้อยลูกทั่วท้องฟ้ากรุงโตเกียวพร้อมการแสดงแสงสีเสียงอันอลังการ บ้างก็ไปฉลองวันขึ้นปีใหม่ด้วยการไปไหว้เจ้าที่วัดชินโตใกล้ๆ บ้าน
ส่วนที่ฮ่องกง มีการต้อนรับวันขึ้นปีใหม่ด้วยยิงพลุดอกไม้ไฟเหนืออ่าววิคตอเรียที่งดงามตระการตาท่ามกลางสียงเชียร์ของผู้ที่มาร่วมชมเป็นจำนวนมากอย่างกึกก้อง
ขณะที่เกาหลีเหนือซึ่งแม้จะอยู่ในความตึงเครียดและถูกคว่ำบาตรอย่างรุนแรงจากสหประชาชาติ ชาวเกาหลีเหนือก็ต้อนรับปีใหม่ด้วยการจุดพลุอันงดงามเหนือแม่น้ำแตดงในกรุงเปียงยางต่อจากเกาหลีใต้ราวครึ่งชั่วโมง
สำหรับจีนนั้นชาวกรุงปักกิ่งพากันไปเคาท์ดาวน์ต้อนรับปีใหม่ที่ประตูยงติงเหมินซึ่งสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์เหม็ง ขณะที่ตามวัดต่างๆ ก็มีการลั่นระฆังและสวดมนตร์ข้ามปี
ส่วนที่อินโดนีเซีย ชาวกรุงจาการ์ตาก็ฉลองวันขึ้นปีใหม่ด้วยการจุดพลุดอกไม้ไฟเหนือท้องฟ้าบริเวณอนุสาวรีย์เซลามัต ดาตัง ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมชมดอกไม้ไฟนับพันคน
ที่มาเลเซียก็มีการต้อนรับวันขึ้นปีใหม่ด้วยการยิงพลุไฟเหนืออาคารแฝดทวินทาวเวอร์ อันมีชื่อเสียงกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นเวลา 10 นาทีท่ามกลางประชาชนหลายพันคนที่มารอเคาท์ดาวน์ตั้งแต่เย็น
ข้ามมาที่ยุโรป ชาวเยอรมันในกรุงเบอร์ลินพากันไปฉลองวันสิ้นปีและรับปีใหม่กันทีประตูบรันเดนเบิร์กโดยมีการแสดงพลุไฟอย่างสวยสดงามเหนือท้องฟ้ากรุงเบอร์ลิน
ขณะที่ชาวอังกฤษนับหมื่นคนก็พากันไปเคาน์ดาวน์นับถอยหลังเข้าสู่วันปีใหม่ที่ใจกลางกรุงลอนดอนด้วยการชมพลุดอกไม้ไฟที่จุดขึ้นเหนือหอนาฬิกาบิ๊กเบนขณะที่สกอตแลนด์ก็ฉลองวันขึ้นปีใหม่ที่เมืองเอดินเบอระด้วยการยิงปืนใหญ่และจุดพลุไฟเหนือปราสาทเอดินเบิร์ก
ส่วนที่เบลเยี่ยม ชาวกรุงบรัสเซลส์จำนวนมากพากันไปร่วมฉลองวันขึ้นปีใหม่ด้วยการชมการจุดพลุที่บริเวณอาคารอโตเมียม พร้อมทั้งข้อความอวยพรปีใหม่ในภาษาต่างๆ
ส่วนที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ผู้คนนับหมื่นคนพากันไปรวมตัวที่จตุรัสชองเซลิเซ่เพื่อชมพลุดอกไม้ไฟที่จุดขึ้นเหนือประตูชัย อาร์ค เดอ ทริออมพ์ ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัย
เช่นเดียวกับชาวรัสเซียในกรุงมอสโกที่พากันไปยังริมฝั่งแม่น้ำเพี่อชมการจุดพลุไฟเหนือพระราชวังเครมลิน ท่ามกลางการปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อป้องกันเหตุก่อการร้ายที่อาจเกิดขึ้นโดยใช้กำลังตำรวจถึง 2,500 นาย
สำหรับในตะวันออกกลางนั้น ท้องฟ้าเหนือกรุงแบกแดด งดงามไปด้วยพลุดอกไม้ไฟฉลองวันขึ้นปีใหม่ซึ่งนับเป็นปีแรกที่ชาวอิรักฉลองวันปีใหม่โดยปราศจากความหวาดกลัวก่อการร้ายจากกองกำลังก่อการร้ายไอเอส .-สำนักข่าวไทย